ธปท.ระบุพิษโควิด-19 ระลอกใหม่กระทบดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจมกราคม 2564 ลดลงมาอยู่ที่ 44.2 จากเดิมที่ระดับ 46.8 ตามการลดลงของทุกองค์ประกอบ และในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีปรับลดลงมาก ต่ำกว่าระดับ 50 เข้าใกล้ระดับเดียวกับ มี.ค.63 ที่เกิดโควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการคาดภาวะธุรกิจจะแย่ลงจากปัจจุบัน
ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนมกราคม 2564 ว่า ในเดือนมกราคม 2564 ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจลดลงจากระดับ 46.8 มาอยู่ที่ระดับ 44.2 ตามการปรับลดลงในทุกองค์ประกอบ โดยความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคที่มิใช่การผลิตลดลงมากกว่าภาคการผลิต เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากกว่า
ทั้งนี้ ดัชนีฯ ของภาคที่มิใช่การผลิตปรับลดลงมาก และอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ในทุกธุรกิจ ยกเว้นบริการทางการเงิน โดยความเชื่อมั่นของกลุ่มโรงแรมและร้านอาหาร ขนส่งผู้โดยสาร รวมถึงภาคค้าปลีกปรับลดลงมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วง มี.ค.63 ซึ่งเป็นช่วงต้นของการระบาดของโคสิด-19 ระลอกแรก ขณะที่องค์ประกอบด้านต้นทุนในธุรกิจขนส่งผู้โดยสารอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ สะท้อนถึงต้นทุนเฉลี่ยต่อผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และจำนวนผู้โดยสารที่ลดลงมากในช่วงนี้ สำหรับภาคการผลิต ความเชื่อมั่นลดลงจากกลุ่มผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ และกลุ่มผลิต อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นสำคัญ
ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีฯ ลดลงมากจาก 53.3 มาอยู่ที่ 48.0 หลังจากยืนอยู่เหนือระดับ 50 ได้ติดต่อกัน 5 เดือน ตามความกังวลของผู้ประกอบการในด้านค่าสั่งซื้อ การผลิต และผลประกอบการที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ โดยสัดส่วน ของผู้ประกอบการที่เห็นว่าธุรกิจจะแย่ลงจากปัจจุบันเพิ่มขึ้นในเกือบทุกธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ ผลิตเหล็ก ขนส่งผู้โดยสาร โรงแรมและร้านอาหาร ค้าปลีก รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ที่ดัชนีฯ ปรับลดลงมากและกลับมาอยู่ต่ำกว่า 50 ดัชนีความเชื่อมั่นด้านสภาพคล่องกลับมาปรับลดลงอีกครั้ง และอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือน มี.ค.63 สะท้อนว่าธุรกิจที่มีสภาพคล่องตึงตัวมีสัดส่วนใกล้เคียงกับช่วงต้นของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกแรก
ผู้ประกอบการที่มองว่าโควิด-19 เป็นข้อจำกัดมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากจากผลของการแพร่ระบาดระลอกใหม่ และส่วนใหญ่ยังคงกังวลในเรื่องความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจและก่าลังซื้อในประเทศเป็นลำดับต้นๆ สำหรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในอีก 12 เดือนข้างหน้า ลดลงจากเดือนก่อนที่ 1.5% มาอยู่ที่ 1.4%