ศูนย์วิจัยทองคำ มองแนวโน้มดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำเดือนมกราคม 64 ปรับบวก เพิ่มขึ้น 12.62 จุด มาอยู่ที่ 63.43 จุด จากระดับ 50.81 จุด ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เหตุนักลงทุน ผู้ค้า ประชาชนกังวลสถานการณ์การเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กลับมาแพร่ระบาดรอบใหม่
นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล แถลงดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือนมกราคม 2564 ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา จากระดับ 50.81 จุด มาอยู่ที่ระดับ 63.43 จุด เพิ่มขึ้น 12.62 จุด หรือคิดเป็น 24.84% โดยมีปัจจัยที่ทำให้ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้นมาจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และการกระตุ้นเศรษฐกิจจากสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำระยะ 3 เดือนในไตรมาสแรกของปี 2564 (ม.ค-มี.ค.) ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 จากระดับ 61.01 จุด มาอยู่ที่ระดับ 69.57 จุด เพิ่มขึ้น 8.56 จุด หรือคิดเป็น 14.02% โดยดัชนีฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นมานั้นน่าจะมีสาเหตุมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
"คาดการณ์ความต้องการซื้อทองคำในช่วงเดือนมกราคม 2564 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 342 ตัวอย่าง พบว่าร้อยละ 40.35 ไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำหรือไม่ ขณะที่ร้อยละ 33.33 คาดว่าจะซื้อทองคำในช่วงเดือนนี้ และร้อยละ 26.32 ยังไม่ซื้อทองคำในเดือนมกราคม 2564"
สรุปกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำ จำนวน 13 ตัวอย่าง โดยส่วนใหญ่เชื่อว่าราคาทองคำในเดือนมกราคม 2564 จะเพิ่มขึ้น มีจำนวน 8 ราย และคาดว่าจะลดลง มีจำนวน 3 ราย ส่วนที่คาดว่าจะใกล้เคียงกับราคาทองคำในเดือนธันวาคม 2563 มีจำนวน 2 ราย
สำหรับการคาดการณ์ราคาทองคำในเดือนมกราคม 2564 ของผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่มีมุมมอง ดังนี้ Gold Spot ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 1,799-1,975 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ด้านราคาทองคำแท่งในประเทศความบริสุทธิ์ 96.5% ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 25,900-28,000 บาทต่อน้ำหนัก 1 บาททองคำ และด้านค่าเงินบาท ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 29.61-30.34 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ
"การลงทุนทองคำในเดือนมกราคม 2564 ผู้ค้าทองคำรายใหญ่แนะนำหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับที่บริเวณ 1,806 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ คาดว่าราคาน่ากลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านโซน 1,911-1,966 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถยืนอยู่เหนือระดับแนวต้านดังกล่าวได้ อาจต้องระมัดระวังแรงขายที่ออกมา ซึ่งอาจเป็นผลให้ราคาย่อตัวลงสู่แนวรับเดิมที่ 1,806 หรือแนวรับถัดไปที่บริเวณ 1,765 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทั้งนี้ ยังคงต้องระมัดระวังในการซื้อขาย หรือชะลอการเข้าซื้อเพื่อรอดูสถานการณ์"