"ซีแพค" ประเมินปัจจัยเสริมดันตลาดคอนโดฯ ครึ่งปีหลังฟื้นตัว วัคซีนเข้ามาเร็ว ฉีดไว ต่างชาติเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัย น่าจะทำให้ดีมานด์ไหลกลับไปตลาดโครงการแนวสูง ขณะที่ Top 10 อสังหาฯ เบนเข็มรุกโครงการแนวราบปักหมุดหัวเมืองหลัก พร้อมบันทึกข้อตกลงกับ สภาวิศวกร ยกระดับมาตรฐานวิศวกรไทยสู่ระดับสากล
นายชนะ ภูมี Vice-President ธุรกิจ Cement and Construction Solution บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด (ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี) กล่าวถึงข้อบันทึกตกลงความร่วมมือ เพื่อยกระดับมาตรฐานวิศวกรไทย ระหว่างสภาวิศวกร กับ บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด ในครั้งนี้ว่า เพื่อยกระดับมาตรฐานวิศวกรไทยให้มีความรู้ ความสามารถ มีความรับผิดชอบเป็นที่พึ่งของสังคม พัฒนาขีดความสามารถของวิศวกรไทยให้มีความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคดิสรัปชัน ส่งเสริมคุณภาพการปฏิบัติงานของผู้ประกอบการวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมให้ทัดเทียมกับนานาอารยะประเทศ ซึ่งจะมีการสนับสนุนให้นิติบุคคลภาคเอกชนวิศวกรที่ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม และผู้ชำนาญการในสายวิชาชีพวิศวกรรมมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมให้ถูกต้องตามกฎหมาย
"เราคงเริ่มภายในองค์กรของเราก่อน เรามีวิศวกรกว่า 500 คนที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างและงานระบบต่างๆ และการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามา นำ BIM มาประยุกต์ใช้จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศได้ ช่วยลดของเสียจากการก่อสร้างได้ ปัจจุบัน มูลค่าอุตสาหกรรมการก่อสร้างประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท หากสามารถจัดการการสูญเสียได้ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ก็จะช่วยได้ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการนำระบบทันสมัย และคนเข้ามาช่วย สุดท้าย ก็แบ่งและคืนให้แก่สังคมได้" นายชนะ กล่าว
อนึ่ง นักศึกษาที่เรียนและจบมาเป็นวิศวกร ไม่ว่าจะจบสายสามัญหรือสายอาชีพนั้น ทางบริษัทฯ อยากผลักดันให้ได้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม (ใบ กว.) เป็นใบอนุญาตเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพด้านวิศวกร ที่ออกให้โดยสภาวิศวกร ซึ่งสาขาที่ทำการสอบมี 8 สาขา ดังนี้
1.วิศวกรรมโยธา 2.วิศวกรรมไฟฟ้ากำลัง 3.วิศวกรรมไฟฟ้าสื่อสาร 4.วิศวกรรมเครื่องกล 5.วิศวหรรมอุตสาหการ 6.วิศวกรรมเหมืองแร่ 7.วิศวกรรมเคมี และ 8.วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม
นายชูโชค ศิวะคุณากร Managing Director - CPAC เปิดเผยถึงทิศทางตลาดวัสดุก่อสร้างในภาพของที่เกี่ยวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2564 ว่า ตลาดคอนโดมิเนียม (แนวสูง) ยังอยู่ในภาวะชะลอตัวและลดลงไปค่อนข้างเยอะก็แล้วกัน ตัวเลขบอกไม่ได้ ซึ่งเห็นสัญญาณตลาดคอนโดฯ ในเทรนด์ขาลงตั้งแต่ปีกว่า แม้จะเห็นการก่อสร้างโครงการแนวสูงในปี 2563 แต่โครงการเหล่านั้นเป็นส่วนของการเปิดตัวและมียอดขายมาตั้งแต่ปี 2562 ในขณะที่ตัวเลขการลงทุนโครงการแนวสูงในปีที่ผ่านมา มีปริมาณและสัดส่วนที่ไม่มาก ทำให้ในปี 2564 ตลาดก่อสร้างคอนโดฯ ลดลง และการเปิดตัวในปีนี้ไม่น่าจะชดเชยได้ทันกับการลดลงของโครงการ ต่างกับโปรเจกต์แนวราบที่ผู้ประกอบการยังสามารถรักษาสภาพได้ดี เพียงแต่จะเกิดการลงทุนเปิดตัวในหัวเมืองหลักมากกว่าหัวเมืองรองที่ยังเบาอยู่
"โดยรวมเหมือนตลาดคอนโดฯ ชะลอตัว แต่แบรนด์หลักๆ ก็ยังเดินหน้าทำโครงการ อย่างเช่น อสังหาฯ ในกลุ่ม Top 10 ของประเทศยังอยู่ ยังเดินต่อ เพียงแต่ปรับมาเป็นแนวราบมากขึ้นในช่วงนี้ การชะลอตัวของอสังหาฯ ในภาคเอกชนก็ลงทั้งตลาด ก็จะกระทบกับยอดขายกระจายไปทั่ว ซึ่งประเด็นที่ต้องมองการฟื้นตัวของตลาดคอนโดฯ ก็ต้องมาลุ้นในเรื่องวัคซีนเข้ามาเร็ว กระจายของการฉีดได้ไว ทุกคนกลับไปดำเนินชีวิตตามปกติ และต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในเรื่องของที่อยู่อาศัยในประเทศไทยที่เข้ามาเร็ว เชื่อว่าดีมานด์จะค่อยๆ กลับไปสู่ตลาดแนวสูง"
อย่างไรก็ตาม ในมุมกลับกัน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเรื่องที่ดี เป็นโอกาสของทุกคนที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ กลับมาสร้างและพัฒนาระบบภายในธุรกิจให้ดีและแข็งแรงขึ้น ทั้งในด้านการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเสริม การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในองค์กรให้สามารถทำงานในส่วนที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้มาก จะช่วยยกมาตรฐานการก่อสร้างของประเทศไทยให้มากขึ้น ซึ่งยังมีช่องว่างในการเข้าไปทำตลาด เช่น การส่งเสริมนวัตกรรมก่อสร้างสำเร็จรูปให้เข้าเชื่อมต่อกับระบบมาตรฐานการก่อสร้างมากขึ้น