xs
xsm
sm
md
lg

ทิสโก้เปิดกลยุทธ์ลงทุนปี 64 ชี้ตลาดหุ้นเกิดใหม่ จีน และนวัตกรรมทางการแพทย์น่าสนใจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ธนาคารทิสโก้ชี้ปีนี้ตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ จีน น่าสนใจรับกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าช้อนซื้อหุ้นวัฏจักร พร้อมแนะลงทุนหุ้นธีมนวัตกรรมทางการแพทย์ หรือ Healthcare Innovation แทนหุ้นกลุ่มธุรกิจการแพทย์แบบดั้งเดิม (Traditional Healthcare) คาดมีโอกาสเติบโตดีตามความนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง

นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (Mr.Nattakrit Laotaweesap, Head Of Wealth Advisory of TISCO Bank Public Company Limited) เปิดเผยว่า หลังจากปีที่ผ่านมาลูกค้าเวลธ์ของธนาคารทิสโก้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนตามคำแนะนำประมาณ 65.71% นั้น เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ธนาคารทิสโก้ได้แนะนำให้ลูกค้าเวลธ์มองหาโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ (EM) โดยเฉพาะประเทศจีน เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวดีและมีหุ้นวัฏจักรที่ได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัวอยู่ในดัชนีมากกว่าประเทศอื่นๆ

"คำแนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นในปีนี้ หากเปรียบเทียบการลงทุนในตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว (DM) ประเทศเกิดใหม่ (EM) ธนาคารทิสโก้มองว่าตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่น่าสนใจกว่า เนื่องจากตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วน่าจะมีโอกาสการปรับขึ้นได้จำกัดมากขึ้น จากมูลค่าหุ้น (Valuation) ที่แพงมาก โดยตลาดหุ้น S&P500 มี อัตราราคาต่อกำไรล่วงหน้า 12 เดือน (12m Fwd. PER) อยู่ที่ 22 เท่า และมีความเสี่ยงที่จะถูกกดดันจากเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มขึ้นแรง ตามราคาสินค้าที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอาจอ่อนค่าลงตามเม็ดเงินการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการผ่อนคลายนโยบายการเงิน รวมถึงนโยบายการคลังของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเข้ามาในระบบจำนวนมาก" นายณัฐกฤติ กล่าว

ทั้งนี้ เม็ดเงินที่เข้ามาในระบบจำนวนมากย่อมเป็นปัจจัยบวกต่อกระแสเงินทุนให้ไหลเข้าตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ เนื่องจากปัจจุบันตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่มีระดับราคาหุ้นที่น่าสนใจ เห็นได้จากดัชนี MSCI Emerging Markets มีอัตราราคาต่อกำไรล่วงหน้า 12 เดือน อยู่ที่ 15 เท่า อีกทั้งตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่มักจะปรับตัวขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างมากอยู่แล้ว ดังนั้น ในยามที่เศรษฐกิจฟื้นตัว ดัชนีหุ้นในกลุ่มประเทศนี้ที่มีหุ้นกลุ่มวัฏจักร (Cyclicals) เป็นสัดส่วนค่อนข้างมากย่อมได้รับประโยชน์ เช่น หุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน (Financials) กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม (Industrials) สินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) และสินค้าวัสดุ (Materials) ซึ่งในปีที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มนี้ยังขยับขึ้นไม่มากเมื่อเทียบกับทั้งตลาด ทำให้ผลประกอบการของหุ้นกลุ่มวัฏจักรในปีนี้มีโอกาสที่จะโตเร็ว ราคาหุ้นก็มีความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นมากกว่ากลุ่มอื่น

"หากจะเจาะลึกมาที่ตลาดหุ้นเกิดใหม่แล้ว ในปีนี้ตลาดหุ้นจีนก็เป็นตลาดที่น่าสนใจที่สุดและเหมาะสำหรับการลงทุนในช่วง 1 ปี จากเศรษฐกิจฟื้นตัวดีมากในปีที่ผ่านมาขยายตัวได้ 2.3% เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่เศรษฐกิจหดตัวรุนแรง ซึ่งได้แรงหนุนจากอุปสงค์ทั้งในและนอกประเทศที่ฟื้นตัว และในปี 2564 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้คาดการณ์เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวสูงถึง 7.9% และที่สำคัญตลาดหุ้นจีนมีสัดส่วนหุ้นวัฏจักรสูงมาก เกือบ 59% ของมูลค่าตลาดหุ้น" นายณัฐกฤติ กล่าว

สำหรับธีมการลงทุนระยะยาวนั้น ธนาคารทิสโก้แนะนำให้เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มนวัตกรรมทางการแพทย์ (Healthcare Innovation) แทนหุ้นกลุ่มธุรกิจการแพทย์แบบดั้งเดิม (Traditional Healthcare) เช่น สถานพยาบาล ระบบดูแลสุขภาพ หรือบริษัทยาขนาดใหญ่แต่ไม่ค่อยมีนวัตกรรมใหม่ๆ เป็นต้น เนื่องจากธีมหุ้นกลุ่ม Healthcare Innovation มีโอกาสเติบโตได้สูงกว่าจากนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งพัฒนาออกมาอย่างต่อเนื่องจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Digital health หรือกลุ่ม Biotech ที่นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยในการรักษาโรค เช่น การรักษาโรคร้ายแรงด้วยวิธี Gene therapy หรือ Gene Editing ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วยในการรักษาโรคร้ายแรงหรือโรคหายากอีกจำนวนมากที่ยังไม่มียารักษา ยกตัวอย่างโรคมะเร็งที่มีผู้ป่วยจำนวนมากและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับต้นๆ ของประชากรโลก ซึ่งถ้าการคิดค้นการรักษาสำเร็จก็จะทำให้เติบโตแบบก้าวกระโดดเป็นเท่าตัวจากความต้องการที่มีอยู่ทั่วโลก


กำลังโหลดความคิดเห็น