นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เปิดเสนอขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Active Allocation (ชนิดสะสมมูลค่า) (SCB Active Allocation (Accumulation) : SCBAAA) มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท เริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 19-25 มกราคม 2564 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท กองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง และต้องการพอร์ตการลงทุนที่สามารถควบคุมความผันผวนให้อยู่ในระยะที่กำหนดได้ในทุกสภาวะตลาดแม้ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ โดยกระจายลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั้งประเทศพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ ด้วยการจัดสรรสินทรัพย์เชิงรุกที่ยืดหยุ่นสูง
กองทุน SCBAAA เป็นกองทุนบริหารเชิงรุก ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ PIMCO GIS Dynamic Multi-Asset Fund I Class USD Hedged (กองทุนหลัก) ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน บริหารโดย PIMCO Global Advisors (Ireland) Limited มีวัตถุประสงค์ในการสร้างการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว เน้นบริหารความเสี่ยงขาลง (downside risk) ผ่านการลงทุนแบบจัดสรรสินทรัพย์ที่ยืดหยุ่นในตราสารทุนโลก ตราสารหนี้โลก และสินทรัพย์ทางเลือกที่มีสภาพคล่อง โดยพิจารณาประเภทสินทรัพย์หลากหลายทั่วโลกผ่านเครื่องมือการลงทุนที่เหมาะสม ทั้งยังจัดสัดส่วนตามระดับความเสี่ยงของสภาวะตลาดในปัจจุบัน โดยเน้นการวิเคราะห์ระดับมหภาคเพื่อการจัดสรรสินทรัพย์ให้เหมาะกับสภาวะตลาดในช่วงนั้นๆ ประกอบกับมี track-record ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ชัดเจนของทีมบริหารกองทุนและทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะกลุ่มสินทรัพย์ที่มีประสบการณ์ยาวนานจาก PIMCO
ในส่วนของตราสารทุน ทีมบริหารกองทุนจะค้นหาธีมการลงทุนที่เหมาะกับทุกสภาวะตลาด และคัดเลือกเฉพาะหุ้นคุณภาพผ่านการลงทุนโดยตรงใน Equity Basket ที่ได้คัดสรรผ่านกลยุทธ์ bottom-up มาแล้ว ในส่วนของตราสารหนี้ จะมีการบริหารผ่านกลยุทธ์ด้าน duration และ spread รวมถึงมีการผสมผสานสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ หรือการบริหารสกุลเงินซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มประเภทสินทรัพย์ เพื่อช่วยในการบริหารความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสการสร้างผลตอบแทนอีกด้วย โดยกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ตามความเหมาะสมสำหรับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการลงทุน
สำหรับกองทุนหลัก มีนโยบายการลงทุนโดยการรวบรวมความเชี่ยวชาญแต่ละด้านของ PIMCO ทั้งหมดในกลยุทธ์การลงทุนเดียวจากมุมมองเศรษฐกิจที่เป็นวิวเดียว (One House One View) ดังนี้ 1) รวบรวมข้อมูลและงานวิจัย โดยวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ รวบรวม insight และไอเดีย bottom-up จากผู้เชี่ยวชาญ 2) ผสมผสานกลยุทธ์ Top-Down และ Bottom-Up ในโครงสร้างของพอร์ต โดยวิเคราะห์ความเสี่ยงตลาดโลก เพื่อจัดกลุ่มสินทรัพย์ตามระดับความผันผวน และสภาพคล่องสำหรับกลยุทธ์ Top-down พร้อมทั้งวางแผนกลยุทธ์แบบ Tactical และ Opportunistic, การคัดเลือกหลักทรัพย์และจัดพอร์ตจากการประเมินเชิงเปรียบเทียบ (relative value) สำหรับกลยุทธ์ Bottom-up 3) สร้างพอร์ตการลงทุนในหลากหลายธีมการลงทุนที่เหมาะสมตามแต่ละสภาวะตลาด พร้อมรับมือกับความเสี่ยงขาลงอย่างเหมาะสม และ 4) วิเคราะห์และบริหารความเสี่ยงจากสถานการณ์ต่างๆ เพื่อปรับพอร์ตและบริหารสภาพคล่อง
นอกจากนี้ กองทุนหลักได้กำหนดกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงในช่วงตลาดขาลง โดยการปรับสัดส่วนการลงทุนตามสภาวะตลาดผ่านการวิเคราะห์ Stressed VaR (การทำ stress-test รายวันด้วยตัวเลข 5-day VaR โดยวางข้อกำหนดว่าตลาดมีความผันผวนสูง) เพื่อกำหนดสภาพแวดล้อมและคาดการณ์ความผันผวนของตลาด โดยมีความยืดหยุ่นเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดและบริหารความเสี่ยงขาลงให้อยู่ในระดับที่จำกัด ซึ่งในปี 2020 ที่ผ่านมาผลตอบแทนหลักๆ ของกองทุนหลักมาจากการลงทุนใน Basket หุ้น Thematic, อัตราดอกเบี้ย, กลยุทธ์ Spread (Long-Short) และค่าเงิน
นายณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า “จากภาพรวมเศรษฐกิจโดยรวมแล้วมีหลายปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวต่อเนื่อง เช่น ข่าวดีจากการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัส COVID-19 รวมถึงผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่ออกมาอยู่ในรูปแบบ Blue Sweep โดยล่าสุดว่าที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้เปิดเผยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 8.9% ของ GDP ใกล้เคียงกับตลาดคาดการณ์ที่ประมาณ 1.5-2.0 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ นับว่าเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นในการฟื้นตัว ถึงแม้ว่า ความกังวลเรื่องสงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ กับจีนยังคงมีอยู่ อาจเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นจีนในระยะสั้น ซึ่งยังคงต้องเฝ้าติดตามการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจาก โจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม กองทุนหลักกองทุน SCBAAA มีกลยุทธ์การลงทุนผสมผสานหลากหลายสินทรัพย์แบบยืดหยุ่นที่ให้ความสำคัญต่อ Drawdown Management เชิงรุก ประกอบการทำ Stress-test ทุกวัน ทำให้พอร์ตมีทิศทางและโอกาสการลงทุนชัดเจนขึ้น ส่งผลให้กองทุนสามารถบริหารความเสี่ยงทั้งขาขึ้นและขาลง พร้อมปรับพอร์ตได้อย่างรวดเร็วได้ทันท่วงทีถึงแม้ว่าจะอยู่ในสภาวการณ์ที่ผันผวนก็ตาม”