xs
xsm
sm
md
lg

มหาเศรษฐี 3 หมื่นล้านหุ้น KTC / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นับตั้งแต่ปีใหม่ หุ้นบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC พุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง จนสร้างจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 8 มกราคม 2564 ที่ผ่านมาปิดที่ราคา 76.75 บาท/หุ้น

สิ้นปี 2563 KTC ปิดที่ 59.50 บาท แต่ย่างเข้าสู่ปี 2564 ราคาดีดตัวขึ้นร้อนแรง ก่อนขยับขึ้นมาที่ 76.75 บาท เพิ่มขึ้น 17.25 บาท หรือ 28.99% ภายใน 5 วันทำการ

นักลงทุนที่เก็บหุ้น KTC ไว้กำไรกันถ้วนหน้า แต่คนที่ร่ำรวยจากหุ้นตัวนี้มากที่สุดคือ นายมงคล ประกิจชัยวัฒนา ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง รองจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB โดยถือหุ้นจำนวนทั้งสิ้น 388.66 ล้านหุ้น หรือถือในสัดส่วน 15.07% ของทุนจดทะเบียน

นายมงคล ปรากฏชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสองใน KTC เมื่อเดือนมีนาคม 2556 โดยถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 12% เศษ หลังจากนั้นทยอยเก็บสะสมหุ้น จนถือหุ้นสูงสุดในสัดส่วนเกือบ 17% ของทุนจดทะเบียน แต่ทยอยขายออกไปบ้าง

คาดกันว่า หุ้น KTC ที่นายมงคล ถือไว้ ไล่เก็บมาที่ต้นทุนเฉลี่ยประมาณ 3 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาปิดวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมาในราคา 76.75 บาท จะมีกำไรหุ้นละ 73.75 บาท

นายมงคล มีหุ้น KTC จำนวน 388.669 ล้านหุ้น จึงมีกำไรจากหุ้น KTC จำนวนทั้งสิ้น 28,664.33 ล้านบาท และกลายเป็นนักลงทุนที่สามารถตักตวงความมั่งคั่งจากตลาดหุ้นมากที่สุด

ชื่อเสียงนายมงคล อาจไม่โด่งดังเหมือน ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร หรือบรรดาเสี่ยหุ้นทั้งหลาย แต่ถ้าเทียบความร่ำรวยจากตลาดหุ้น นายมงคล เป็นนักลงทุนระดับเศรษฐีหุ้นอันดับหนึ่ง ด้วยวัยเพียง 40 ปีต้นๆ กำไรจากหุ้น KTC ตัวเดียวเฉียด 3 หมื่นล้านบาท และเป็นกำไรที่สามารถพิสูจน์ทราบได้ว่า

เกิดจากการลงทุนที่ใสสะอาด ลงทุนอย่างตรงไปตรงมา และลงทุนระยะยาว ไม่ใช่อวดอ้างขี้โม้เหมือนบรรดาเสี่ยหุ้นหลายคน ที่รวยจากหุ้นปั่น เล่นหุ้นขี้โกง สมคบคิดกับเจ้ามือหุ้นและโบรกเกอร์ สร้างข่าวและปล่อยข่าว ล่อลวงแมลงเม่าจนร่ำรวยกันเป็นพันๆ ล้านบาท บนหายนะของรายย่อย

นายมงคล มั่นใจในหุ้นที่ถือ เก็บหุ้น KTC มาประมาณ 8 ปี กำไรเป็นหมื่นล้านบาทก็ยังไม่ขายทิ้ง เพราะมองว่า แนวโน้มผลประกอบการยังเติบโตต่อเนื่อง และแม้วันนี้กำไรเกือบ 3 หมื่นล้านบาทแล้ว แต่เชื่อว่า นายมงคล ยังไม่ขายทิ้ง

อย่างไรก็ตาม แม้ผลประกอบการ KTC จะเติบโตต่อเนื่อง แต่ราคาหุ้นขณะนี้ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน โดยมีค่าพี/อี เรโช 37 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทนเพียง 1.15%

ราคาหุ้นจึงเป็นการซื้ออนาคตการเติบโตของบริษัท เช่นเดียวกับนายมงคล ที่มาเก็บหุ้น KTC เมื่อ 8 ปีก่อน เพราะคาดหวังแนวโน้มการเติบโต และคาดการณ์ได้ถูก จึงได้รับรางวัลที่คุ้มค่า กลายเป็นนักลงทุนที่ร่ำรวยมากที่สุดในตลาดหุ้นไทย และคงไม่มีใครโค่นตำแหน่งแชมป์ลงได้ง่ายๆ ถ้า KTC ไม่เป็นอะไรไปเสียก่อน

หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่กลับมาคึกคักในรอบนี้ มีหุ้นบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เป็นตัวจุดพลุนำกลุ่ม ส่วนหุ้นกลุ่มนอนแบงก์ มีหุ้น KTC เป็นตัวจุดชนวน

แต่ KTC วิ่งมาไกลมาก ไกลจนปัจจัยพื้นฐานไล่ตามไม่ทัน จึงอยู่ในข่ายหุ้นที่ร้อนแรง และนักลงทุนอาจต้องระมัดระวังความเสี่ยง สำหรับการเก็งกำไรระยะสั้น เว้นแต่พร้อมจะถือยาว พร้อมจะซื้ออนาคตเหมือนนายมงคล

ตลาดหุ้นเปิดกว้างสำหรับการตักตวงความมั่งคั่ง แต่ นักลงทุนน้อยคนที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุน

และ น้อยคนเต็มทีที่ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีอย่างนายมงคล ประกิตชัยวัฒนา จากลงทุนหุ้น KTC เพียงตัวเดียว






กำลังโหลดความคิดเห็น