แต่ละปีจะมีหุ้นที่สร้างผลตอบแทนโดดเด่น ราคาหุ้นพุ่งทะยานนับ 100 เปอร์เซ็นต์ หรือหลาย 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่บ่อยนักที่จะมีหุ้นที่ดีดตัวแรง 6-7 เด้งหรือ 600-700% เหมือนหุ้น บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ในปีนี้
ถ้าย้อนเวลาได้ นักลงทุนคงอยากถอยกลับไป เพื่อเก็บตุนหุ้น DELTA ซึ่งปีนี้มีเวลาถึงประมาณ 11 เดือนเต็มสำหรับการกอบโกยกำไรจากหุ้นตัวนี้ เพราะราคาเพิ่งจะพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดที่ระดับ 406 บาท เมื่อต้นเดือนธันวาคม
ช่วง 11 เดือนแรกปีนี้ ไม่ว่าจะซื้อตอนไหน ราคาเท่าไหร่ จะมีกำไรงามๆ ติดไม้ติดมือไม่มากก็น้อย และ ถ้าช้อนซื้อช่วงวิกฤต “โควิด-19” เดือนนาคม ซึ่งหุ้น DELTA ถูกทุบเหลือเพียง 27 บาท คงรวยไม่รู้เรื่อง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีแรก DELTA ไม่อยู่ในความสนใจของนักลงทุน และไม่อยู่ในสายตาของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เพราะผลประกอบการไตรมาสแรกชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2562ปิดตลาดหุ้นครึ่งปีแรก ราคาหุ้น DELTA ปิดที่ 53.75 บาท เพิ่มขึ้นเพียง 25 สตางค์ เมื่อเทียบกับจุดปิดสิ้นปี 2562
DELTA จึงเหมือนรถเมล์ที่จอดแช่อยู่ในป้าย เพื่อรอผู้โดยสารตลอดครึ่งปีแรก
จุดซื้อหุ้น DELTA เกิดขึ้นหลังวันที่ 24 กรกฎาคม เมื่อบริษัทแจ้งผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 2,021.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132.7% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน
ราคาหุ้นพุ่งรับข่าว นักลงทุนแห่เข้ามาลุยซื้อ DELTA ขณะที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์เริ่มให้คำแนะนำลงทุน
สัญญาณการกลับตัวของ DELTA ถูกตอกย้ำอีกครั้ง ในวันที่ 26 ตุลาคม หลังบริษัทประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ซึ่งมีกำไรเติบโตก้าวกระโดดจำนวน 2,642.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 327.25% จากระยะเดียวกันปีก่อน และราคาหุ้นช่วงนั้นเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 160-170 บาท
แต่เพราะราคาหุ้น DELTA ดีดตัวจากระดับ 27 บาท เมื่อขึ้นมายืนแถว 160-170 บาท เพิ่มขึ้นประมาณ 500% จึงทำให้ นักวิเคราะห์โบรกเกอร์หลายสำนักเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังความเสี่ยง และแนะนำให้ทยอยขายทำกำไร
DELTA จึงย่ำฐานอยู่พักใหญ่ ก่อนจะวิ่งหูดับตับไหม จนไล่ซื้อแทบไม่ทันในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนต่อเนื่องถึงต้นเดือนธันวาคม
การพลิกฟื้นของหุ้น DELTA เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านปัจจัยพื้นฐาน โดยผลกำไรที่กลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดด เป็นปัจจัยกระตุ้นให้นักลงทุนแห่เข้ามาไล่ซื้อหุ้นเก็บ
การเป็นสุดยอดหุ้นแห่งปี สร้างกำไรให้นักลงทุน 6-7 เด้ง เป็นไปด้วยเหตุผล โดยมีปัจจัยพื้นฐานรองรับ
แตกต่างจากหุ้นที่ถูกปั่นขึ้นมาหลายเท่าตัว แต่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ มีแต่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนขี้โม้ว่า ผลประกอบการบริษัทจะเติบโตก้าวกระโดด และมีนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ออกมาช่วยแหกตานักลงทุนว่า จะเป็นหุ้นเทิร์นอะราวนด์ สุดท้ายกลายเป็นหุ้นเน่า
หุ้นที่จะทำให้รวยหลายเด้งจะหาได้อีกไหม คำตอบคือ ในแต่ละปีจะหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงอย่างโดดเด่นเพียงแต่ปีเดียว 6-7 เด้งเหมือน DELTA คงหายากสักหน่อย แต่ปีละ 1-2 เด้งน่าจะพอมี
ส่วนจะเสาะแสวงหาหุ้นที่จะให้ผลตอบแทนหลายเด้ง คงจะต้องถอดบทเรียน การพลาดโอกาสจากหุ้น DELTA เป็นกรณีศึกษา
เพราะหุ้น DELTA ไม่ได้พุ่งขึ้นพรวดพลาดอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แต่สัญญาณการกลับตัวขึ้น เกิดจากผลประกอบการที่กลับมาเติบโตก้าวกระโดด ซึ่งเป็นผลพวงจากสินค้าที่ผลิตมีความต้องการของตลาด และผลประกอบการที่เติบโตก้าวกระโดดไม่ได้เกิดขึ้นเพียงไตรมาสเดียว แต่เกิดขึ้นต่อเนื่องถึง 2 ไตรมาส
ถ้านักลงทุนทำการบ้าน เก็บหาข้อมูลแนวโน้มธุรกิจของ DELTA ประเมินถึงแนวโน้มผลประกอบการได้ มั่นใจว่าปัจจัยพื้นฐานบริษัทจะฟื้นสู่ความสดใส และชิงช้อนซื้อหุ้นเก็บสะสมไว้ คงจะรวยหลายเด้ง
การจับสัญญาณการเปลี่ยนแปลงด้านปัจจัยพื้นฐานของหุ้นแต่ละตัว ติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด วิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ได้ทะลุปรุโปร่ง จะมีโอกาสเสาะแสวงหาหุ้นดีได้
และแม้อาจไม่เจอหุ้นที่ทำให้ร่ำรวยหลายเด้งภายในปีเดียว แต่น่าจะ มีโอกาสได้ผลตอบแทนงามๆ จากหุ้นที่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้น
ปีนี้พลาดหุ้น DELTA ไปแล้ว แต่ปีหน้ายังมีหุ้นที่อาจทำให้รวยหลายเด้งอยู่ เพียงแต่จะหากันเจอหรือไม่เท่านั้น
