แม้ยังไม่ปิดฉากตลาดหุ้นปี 2563 แต่หุ้น บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ได้คว้าอันดับสุดยอดหุ้นแห่งปีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยผลงาน สร้างผลตอบแทนสูงที่สุด ประมาณ 600-700%
นักลงทุนที่มองข้ามหุ้น DELTA ไม่ได้ซื้อเก็บไว้ คงรู้สึกเสียดาย เพราะพลาดโอกาสเก็บเกี่ยวกำไรงามๆ ทั้งที่หุ้นตัวนี้รอนักลงทุนเข้าไปลุยเป็นเวลาเกือบ 10 เดือนเต็ม
วันที่ 30 ธันวาคม 2562 หุ้น DELTA ปิดที่ 53.50 บาท และไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากนัก เนื่องจากผลประกอบการปี 2562 ชะลอตัวลง มีกำไรสุทธิ 2,959.96 ล้านบาท ลดฮวบจากปี 2561ที่มีกำไรสุทธิ 5,137.03 ล้านบาท
ช่วง การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อต้นเดือนมกราคม 2563 DELTA ถูกถล่มขายเหมือนหุ้นตัวอื่น จนราคาทรุดลงไปต่ำสุดที่ 27 บาท ก่อนจะกระเตื้องขึ้น และกลับมาเคลื่อนไหวระดับ 50 บาทอยู่พักใหญ่
หลังปิดการซื้อขายหุ้น วันที่ 27 เมษายน 2563 หุ้น DELTA แจ้งผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ โดยมีกำไรสุทธิ 856.48 ล้านบาท ลดลง 20.9% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,086.06 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากยอดการขายและบริการลดลง
ราคาหุ้นไม่ได้รับผลกระทบจากผลประกอบการที่ชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2562 มากนัก โดยเคลื่อนไหวในระดับ 50 บาท จนเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563 หรือปิดครึ่งปีแรก หุ้น DELTA ปิดที่ 53.75 บาท เพิ่มขึ้นเพียง 25 สตางค์ เมื่อเทียบกับจุดปิดเมื่อสิ้นปี 2562
แต่หลังจากปิดงวดบัญชี 6 เดือนแรกไปแล้ว หุ้น DELTA เริ่มคักคัก ราคาขยับขึ้นต่อเนื่อง เหมือนมีกลิ่น "อินไซด์" หรือมีข้อมูลภายในรั่วไหล และมีนักลงทุนบางกลุ่มเข้ามาทยอยเก็บหุ้นกักตุนล่วงหน้า
วันที่ 24 กรกฎาคม 2563 ก่อนที่ DELTA จะแจ้งงบการเงินไตรมาสที่ 2 ในเย็นวันเดียวกัน ราคาหุ้น DELTA ปิดที่ 90 บาท ปรับตัวขึ้นมา 36.25 บาท หรือปรับตัวขึ้น 67.44% เมื่อเทียบกับจุดปิดที่ 53.75 บาท ในวันที่ 30 มิถุนายน 2563
ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของ DELTA ออกมาดีมาก เนื่องจากรายได้จากยอดขายและบริการเติบโต ทำให้มีกำไรสุทธิ 2,021.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132.7% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 872.58 ล้านบาท
ราคาหุ้นพุ่งทะยานรับข่าวอยู่หลายวัน ก่อนจะแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบแคบๆ ระดับ 110 บาทเศษอยู่หลายสัปดาห์ จนวันที่ 14 กันยายน 2563 ขยับขึ้นมาปิดที่ 120 บาท หลังจากนั้นจึงมีแรงซื้อโหมเข้ามากระชากราคาหุ้นวิ่งขึ้นอย่างร้อนแรงอีกครั้ง
วันที่ 26 ตุลาคม 2563 ก่อนที่ DELTA จะแจ้งผลประกอบการไตรมาสที่ 3 หลังปิดตลาดในวันเดียวกัน ราคาหุ้น DELTA ปิดที่ 179.50 บาท เพิ่มขึ้น 59.50 บาท หรือเกือบ 50% เมื่อเทียบกับจุดปิดวันที่ 14 กันยายน 2563
ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของ DELTA ก้าวกระโดดยิ่งกว่าไตรมาสที่ 2 โดยมีกำไรสุทธิ 2,642.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 327.25% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 618.38 ล้านบาท
แต่ราคาหุ้นกลับไม่ตอบรับผลประกอบการที่เติบโตก้าวกระโดดในทันที โดยวันที่ 27 ตุลาคม 2563 ซึ่งเป็นวันแรกที่เปิดการซื้อขายหลังประกาศงบไตรมาสที่ 3 ราคาหุ้น DELTA กลับปิดที่ 175 บาท ลดลง 4.50 บาท และแกว่งตัวในกรอบแคบอยู่หลายวัน จนวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 ถูกถล่มขาย ราคาทรุดลง 30 บาท ปิดที่ 163 บาท
จุดเปลี่ยนที่ปลุกกระแสความสนใจหุ้น DELTA เริ่มต้นจากวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 เพราะราคาหุ้นพุ่งทะยานอย่างร้อนแรงต่อเนื่อง จากราคาปิดที่ 163 บาท พุ่งขึ้นไปสูงสุดระหว่างวันโมงซื้อขายวันที่ 9 ธันวาคม 2563 ที่ระดับ 406 บาท ก่อนจะลงมาปิดที่ 343 บาท
ภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน หรือเพียง 20 วันทำการ หุ้น DELTA ปรับตัวขึ้น 180 บาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 110%
และเมื่อเทียบกับจุดปิดเมื่อสิ้นปี 2562 ที่ราคา 53.50 บาท DELTA ปรับตัวขึ้นมา 600-700% หรือขึ้นมาถึง 6-7 เท่าตัว
แต่ถ้าเทียบกับจุดต่ำสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ 27 บาท หุ้นตัวนี้สร้างผลตอบแทนถึงประมาณ 1,200% หรือประมาณ 12 เท่าตัว
นักลงทุนคงตั้งคำถามกับตัวเองว่า ปีนี้พลาดหุ้น DELTA ไปได้อย่างไร และคำถามที่ตามมาคือ จะมีโอกาสหาหุ้นที่ซื้อแล้วรวยในพริบตาอย่าง DELTA ได้อีกหรือไม่
(อ่านตอนจบวันพรุ่งนี้)