นายจิรณุ กุลชนะรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามราชธานี (SO) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 63 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ว่ารายได้มีโอกาสเพิ่มขึ้นแตะ 2,000 ล้านบาท จากปีก่อนหน้ามีรายได้ราว 1,900 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้น อยู่ในระดับ 17-18% ขณะที่ยังคงมีอัตราการต่อสัญญาใช้บริการของลูกค้ารายเดิมทั้งภาครัฐและบริษัทเอกชนมากกว่า 90% และมีลูกค้ารายใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่องในทุกบริการ
ส่วนในปี 64 นอกจากการพัฒนาบริการธุรกิจหลักเดิมแล้ว บริษัทจะขยายบริการ และรุกธุรกิจใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจ SO-NEXT คือ Data Solutions และ S-Next ซึ่ง Data Solutions เป็นระบบจัดการข้อมูลและเอกสารแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ให้บริการจัดการข้อมูลและเอกสารหลายรูปแบบ เช่น บริการคีย์ข้อมูล บริการงานสแกนเอกสาร และบริการบันทึกข้อมูลภาคสนาม เป็นต้น
ขณะที่ S-Next คือบริการที่ลดความซับซ้อนในการทำงาน เช่น มีระบบ DIGIDOCS เป็นระบบบริหารจัดการเอกสารออนไลน์ ทำให้การทำงานเอกสารสะดวกยิ่งขึ้น ลดเวลาต้นทุนและค่าใช้จ่าย ระบบ CARPOOL เป็นระบบจัดสรรทรัพยากรรถยนต์ในองค์กร ทำให้การทำงานเป็นระบบมากขึ้น และระบบ TIKTRACK เป็นระบบบริหารจัดการข้อมูลการลงเวลาของพนักงานแบบเรียลไทม์ ทำให้ใช้งานง่าย และสามารถเช็กข้อมูลได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีลูกค้าหลายรายติดต่อให้ SO เข้าไปเป็นที่ปรึกษา ในการปรับตัวสู่ดิจิทัลทรานส์ฟอร์ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจ
นอกจากนี้ บริษัทกำลังพัฒนาบริการ HRM (Human Resource Management) การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลด้วยระบบดิจิทัล ซึ่งขณะนี้กำลังทดลองใช้กับลูกค้าหลังนำมาบริหารจัดการบุคลากรภายในบริษัท ได้ประสบความสำเร็จอย่างดีแล้ว โดยจะเห็นความชัดเจนในปี 2564
"SO NEXT ถือเป็นธุรกิจใหม่ที่เป็น New S-CURVE ของบริษัท ซึ่งตอบโจทย์ชีวิตและธุรกิจในยุค NEW NORMAL และ NEXT NORMAL ที่ดิจิทัลจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตและการทำธุรกิจมากขึ้นในอนาคต เช่น การพัฒนาและให้บริการ HRM โดยบริษัทตั้งเป้าหมายว่า ใน 3-5 ปี ข้างหน้ารายได้จาก SO NEXT จะเข้ามามีบทบาทในโครงสร้างรายได้รวมของบริษัทประมาณ 20% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้เพียง 5% ของรายได้รวม" นายจิรณ กล่าว
ทั้งนี้ SO ให้บริการธุรกิจ 4 ด้าน คือ SO PEOPLE บริการบริหารจัดการด้านบุคลากร เช่น ช่างเทคนิค พนักงานขับรถ พนักงานประจำออฟฟิศ SO GREEN บริการดูแลภูมิทัศน์ จัดสวนขนาดใหญ่ SO WHEEL บริการรถยนต์ รถดัดแปลงให้เช่า และ SO NEXT บริการบริหารจัดการงานบันทึกข้อมูล
นายจิรณ กล่าวอีกว่า ภายหลังจากที่หุ้นของบริษัทได้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 14 ต.ค.63 ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี และเมื่อเร็วๆ นี้ นักลงทุนหุ้นมูลค่า (VI) กว่า 40 ราย ได้ขอเข้าเยี่ยมชมเพื่อรับฟังข้อมูลการทำธุรกิจ รวมทั้งทิศทางการเติบโตของบริษัท โดยทีมผู้บริหารบริษัทได้ให้ข้อมูลแก่กลุ่มนักลงทุน VI ว่า บริษัทได้ทำธุรกิจการจ้างเหมาบริการครบวงจรชั้นนำระดับประเทศมากว่า 43 ปี โดยไม่เคยขาดทุนและทุกครั้งที่เกิดวิกฤตมักจะมีโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ
อย่างสถานการณ์โควิด-19 รอบนี้ แม้ช่วงแรกบริษัทจะได้รับผลกระทบบ้าง แต่กลับสร้างโอกาสในการทำธุรกิจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะท่ามกลางที่ธุรกิจต่างๆ ประสบปัญหาจนต้องมีการลดจำนวนพนักงาน แต่กลับพบว่า มีหลายบริษัทติดต่อเข้ามาขอข้อมูลและใช้บริการ Outsource พนักงานจาก SO เพิ่มขึ้น เพื่อลดภาระต้นทุนระยะยาวของพนักงาน รวมทั้งให้ SO เข้าไปช่วยบริหารจัดการข้อมูลต่างๆ เพื่อรองรับการใช้เทคโนโลยีในการทำงานมากขึ้น