เทรดวันแรกหุ้น บ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX ปิดเหนือจอง 23.25 บาท จากราคา IPO 28 บาท หรือเพิ่มขึ้น 83.04 % มูลค่าซื้อขาย 25,271.90 ล้านบาท อีกด้านกลุ่ม BTS ทุ่ม 660 ล้านบาท ซื้อบิ๊กล็อตหุ้น After You
วานนี้ (24 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นของ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ได้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นวันแรก โดยกำหนดราคา IPO อยู่ที่ 28 บาท โดยเมื่อเปิดตลาดพบว่า ราคาหุ้นอยู่ที่ 65 .00 บาท เพิ่มขึ้น 37 บาท หรือ 132% จากราคาจอง ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 73 บาท ต่ำสุดที่ 46 บาท เมื่อปิดตลาดพบว่าราคาหุ้นอยู่ที่้ 51.25 บาท เพิ่มขึ้น 23.25 บาทหรือ 83.04 % มูลค่าซื้อขาย 25,271.90 ล้านบาท และส่ง บมจ.เคอรี่ฯ ผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุรายใหญ่ของประเทศไทย มีมูลค่าสูงถึง 90,000 ล้านบาท โดยผู้บริหาร KEX ระบุว่า เตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุน 8,400 ล้านบาท ช่วยเสริมศักยภาพด้านฐานะการเงิน เพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจ ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงินและเป็นเงินทุนหมุนเวียน (รายละเอียดอ่านต่อหน้า 6)
อีกด้าน บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) (บมจ.อาฟเตอร์ยูฯ) หรือ AU ที่ประกอบธุรกิจร้านขนมหวานภายใต้แบรนด์ After You ได้แจ้งต่อ ตลท.ว่า ถึงการซื้อขายหุ้นของ AU ตามที่ได้ปรากฏในรายการซื้อขายหุ้นผ่านระบบการซื้อขายของ ตลท.บนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) จำนวนรวม 66,000,000 หุ้น หรือคิดสัดส่วน 8.1% เสนอขายให้กับ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (กลุ่มบีทีเอส) เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสในการผนึกกำลังและขยายเครือข่ายงานต่อไปในอนาคตของทั้ง 2 ฝ่าย โดย บมจ.อาฟเตอร์ยูฯ ยืนยันว่า การขายหุ้นในครั้งนี้ ไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างการจัดการและนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ แต่อย่างใด
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบในเว็บไซต์ ตลท. พบว่า มีรายการบิ๊กล็อตหุ้น AU ทั้งหมด 2 ครั้ง รวม 66 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 10 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 660 ล้านบาท
โดยรายการดังกล่าวเกิดจากการขายหุ้นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ น.ส.กุลพัชร์ กนกวัฒนาวรรณ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 และ นายแม่ทัพ ต.สุวรรณ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ ก่อนทำรายการ น.ส.กุลพัชร์ ถือหุ้น 259,669,759 หุ้น สัดส่วน 31.84% และ นายแม่ทัพ ถือหุ้น 239,793,750 หุ้น สัดส่วน 29.40% หลังทำรายการ น.ส.กุลพัชร์ จะถือหุ้น 226,669,759 หุ้น สัดส่วน 27.79% และ นายแม่ทัพ จะถือหุ้น 206,793,750 หุ้น สัดส่วน 25.35% ขณะที่ กลุ่มบีทีเอส จะเข้ามาถือหุ้น 66 ล้านหุ้น หรือ 8.1% เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ทันที
ขณะที่ราคาหุ้น AU หลังมีข่าวขายหุ้นบิ๊กล็อต ได้ปรับตัวสูงขึ้นตลอดทั้งวัน และปิดที่ราคาหุ้นละ 10.80 บาท หรือ 5.88% จากราคาปิดเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา
วานนี้ (24 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นของ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ได้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นวันแรก โดยกำหนดราคา IPO อยู่ที่ 28 บาท โดยเมื่อเปิดตลาดพบว่า ราคาหุ้นอยู่ที่ 65 .00 บาท เพิ่มขึ้น 37 บาท หรือ 132% จากราคาจอง ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 73 บาท ต่ำสุดที่ 46 บาท เมื่อปิดตลาดพบว่าราคาหุ้นอยู่ที่้ 51.25 บาท เพิ่มขึ้น 23.25 บาทหรือ 83.04 % มูลค่าซื้อขาย 25,271.90 ล้านบาท และส่ง บมจ.เคอรี่ฯ ผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุรายใหญ่ของประเทศไทย มีมูลค่าสูงถึง 90,000 ล้านบาท โดยผู้บริหาร KEX ระบุว่า เตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุน 8,400 ล้านบาท ช่วยเสริมศักยภาพด้านฐานะการเงิน เพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจ ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงินและเป็นเงินทุนหมุนเวียน (รายละเอียดอ่านต่อหน้า 6)
อีกด้าน บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) (บมจ.อาฟเตอร์ยูฯ) หรือ AU ที่ประกอบธุรกิจร้านขนมหวานภายใต้แบรนด์ After You ได้แจ้งต่อ ตลท.ว่า ถึงการซื้อขายหุ้นของ AU ตามที่ได้ปรากฏในรายการซื้อขายหุ้นผ่านระบบการซื้อขายของ ตลท.บนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) จำนวนรวม 66,000,000 หุ้น หรือคิดสัดส่วน 8.1% เสนอขายให้กับ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (กลุ่มบีทีเอส) เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสในการผนึกกำลังและขยายเครือข่ายงานต่อไปในอนาคตของทั้ง 2 ฝ่าย โดย บมจ.อาฟเตอร์ยูฯ ยืนยันว่า การขายหุ้นในครั้งนี้ ไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างการจัดการและนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ แต่อย่างใด
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบในเว็บไซต์ ตลท. พบว่า มีรายการบิ๊กล็อตหุ้น AU ทั้งหมด 2 ครั้ง รวม 66 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 10 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 660 ล้านบาท
โดยรายการดังกล่าวเกิดจากการขายหุ้นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ น.ส.กุลพัชร์ กนกวัฒนาวรรณ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 และ นายแม่ทัพ ต.สุวรรณ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ ก่อนทำรายการ น.ส.กุลพัชร์ ถือหุ้น 259,669,759 หุ้น สัดส่วน 31.84% และ นายแม่ทัพ ถือหุ้น 239,793,750 หุ้น สัดส่วน 29.40% หลังทำรายการ น.ส.กุลพัชร์ จะถือหุ้น 226,669,759 หุ้น สัดส่วน 27.79% และ นายแม่ทัพ จะถือหุ้น 206,793,750 หุ้น สัดส่วน 25.35% ขณะที่ กลุ่มบีทีเอส จะเข้ามาถือหุ้น 66 ล้านหุ้น หรือ 8.1% เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ทันที
ขณะที่ราคาหุ้น AU หลังมีข่าวขายหุ้นบิ๊กล็อต ได้ปรับตัวสูงขึ้นตลอดทั้งวัน และปิดที่ราคาหุ้นละ 10.80 บาท หรือ 5.88% จากราคาปิดเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา