โนเบิลฯ ประกาศเผยแผนธุรกิจปี 64 เปิดตัว 11 โครงการ มูลค่ารวม 45,100 ล้านบาท ปูทางขึ้นเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาฯ ไทยติดอันดับ TOP 5 ภายใน 3 ปีข้างหน้า พร้อมตั้งเป้ารายได้ 11,000 ล้านบาท และมียอดขาย 16,000 ล้านบาท มั่นใจฐานลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติมีกำลังซื้อสูง
นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE กล่าวว่า ในปี 64 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของการเติบโตและการลงทุนของบริษัทฯ ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรระดับชั้นแนวหน้าในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ โดยในปี 64 มีแผนจะพัฒนาโครงการใหม่รวม 11 โครงการ มูลค่ารวม 45,100 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายรายได้รวมปี 64 ที่ 11,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ จำนวน 10,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขาย 16,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 146% จากปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ 6,500 ล้านบาท
สำหรับแผนการพัฒนาโครงการในปี 64 จะแบ่งเป็นโครงการที่พัฒนาโดยบริษัทฯ 5 โครงการ และโครงการร่วมทุนกับบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) 5 โครงการ และโครงการที่ร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์ จำนวน 1 โครงการ โดยในครึ่งปีแรก 64 จะประเดิมเปิดโครงการทั้งคอนโดมิเนียมไฮไลส์ และโลวไรส์ 4 โครงการ ประกอบด้วย
1.โครงการ NOBLE FORM THONGLOR มูลค่า 5,400 ล้านบาท
2.โครงการ NUE NOBLE CENTRE BANGNA มูลค่า 700 ล้านบาท
3.โครงการ THE EMBASSY AT WIRELESS มูลค่า 10,700 ล้านบาท
และ 4.โครงการ NUE CONDO AT DON MUEANG มูลค่า 1,900 ล้านบาท
ส่วนโครงการอื่นๆ อีก 7 โครงการ ทั้งคอนโด บ้านแฝด และทาวน์โฮม จะทยอยเปิดตัวอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง 64 ตามนโยบายการรุกขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
นอกจากนี้ โนเบิลฯ ยังได้ลงนามสัญญาทางธุรกิจกับบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) โดยจะมีสัดส่วนการถือหุ้นโครงการละ 50:50 เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯ ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดและแนวราบ บ้านแฝด และทาวน์โฮม บนทำเลถนนสุขสวัสดิ์ ถนนราษฎร์บูรณะ ถนนคูคต และถนนพระราม 9 รวมจำนวน 4 โครงการมูลค่ากว่า 23,000 ล้านบาท หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการร่วมทุนพัฒนาโครงการแรกบนทำเลถนนรัชดา-ลาดพร้าว มูลค่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดขายมากกว่า 50% โดยทั้ง 4 โครงการใหม่ติดรถไฟฟ้าสายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานีคูคต (สายสีเขียว) สถานีราษฎร์บูรณะ และสถานีประชาอุทิศ (สายสีม่วง) รวมถึงรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีพระราม 9
อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้มีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) “BTS” และบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) “SPI” เพื่อลงทุนซื้อที่ดินบริเวณโครงการธนาซิตี้ บางนา ในสัดส่วนการถือหุ้น NOBLE 40% SPI 41% และ BTS 19% โดยมีทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท
สำหรับในปี 64 ถือเป็นก้าวสำคัญของ “โนเบิล” ซึ่งจะสร้างความแตกต่างจากที่ผ่านมา เพราะด้วยความพร้อมหลังการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้ง 3 รายของบริษัทฯ ในปัจจุบันถือหุ้นรวมกัน 50% ประกอบด้วย 1.นาย ธงชัย บุศราพันธ์ 2.NCROWNE PTE LTD. นำโดยนายแฟรงค์ ฟง คึ่น เหลียง และ 3.บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นการผนึกกำลังพันธมิตรที่ลงตัวในการบริหารธุรกิจเพื่อสอดรับกับนโยบายการก้าวสู่ TOP 5 ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาฯ ภายใน 3 ปีข้างหน้า