รฟม.ปรับกรอบงบลงทุนปี 64 เหลือ 1.65 หมื่นล้าน ลดลงกว่า1.9 พันล้าน เหตุประมูลสายสีม่วงใต้หลุดเป้า ขยับเซ็นสัญญาไปปี 65 หลังยังไม่สรุปพื้นที่ก่อสร้าง ตั้งเป้าขายซอง ก.พ.64 ได้ตัวผู้รับจ้างต.ค.-พ.ย. 64 หวั่นค่าโง่ต่อสีเหลือง
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดรฟม. ที่มี นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เป็นประธาน เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ได้มีมติเห็นชอบตามที่ รฟม.เสนอ ปรับปรุงวงเงินลงทุนประจำปี 64 จากที่เสนอไป18,482 ล้านบาท ลดลง1,965 ล้านบาท เหลือ 16,516 ล้านบาท โดยเป็นการปรับลดค่าลงทุนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ในส่วนของค่างานโยธาออกไป เนื่องจากยังไม่ได้ข้อยุติการใช้พื้นที่ของสำนักงานทรัพย์สินฯ และตามแผนงาน คาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ แต่อาจจะลงนามสัญญากับผู้รับจ้างไม่ทันปีงบประมาณ 2564 จึงยังไม่มีการเบิกจ่ายค่าก่อสร้างล่วงหน้า ประมาณ10% ของมูลค่างาน
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 23.6 กม. (โครงสร้างทางวิ่งใต้ดิน 12.6 กม. และวิ่งยกระดับ11 กม.) วงเงินลงทุน 101,100 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 15,913 ล้านบาท ค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์ 32 ล้านบาท ค่างานโยธา 77,385 ล้านบาท ค่าก่อสร้างสิ่งทดแทนหน่วยงานราชการที่ได้รับผลกระทบ 1,335 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง 2,865 ล้านบาท ค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด ของงานโยธา 3,582 ล้านบาท
โดยจะมีการประมูลก่อสร้างมูลค่า 80,967 ล้านบาท (มีค่างานโยธา 77,385 ล้านบาท และค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด 3,582 ล้านบาท) แบ่งเป็น 6 สัญญา ประกอบด้วย งานใต้ดิน 4 สัญญา งานทางยกระดับ 1 สัญญา และงานระบบราง 1 สัญญา) ขณะนี้ รฟม.ได้เตรียมเอกสารประกวดราคาเสร็จแล้ว หากได้ข้อสรุปเรื่องพื้นที่ก่อสร้าง ก็พร้อมเปิดประมูลทันที โดยจะมีการปรับปรุงราคากลางให้เป็นปัจจุบันก่อนวันประกาศประมูล 30 วัน คาดว่าจะเปิดขายซองประกวดราคา เดือนก.พ.64 ได้ตัวผู้ชนะประมูล ต.ค.-พ.ย. 64 และเริ่มก่อสร้างเดือน ธ.ค.64
นอกจากนี้ ลดงบลงทุนแล้ว มีส่วนที่เพิ่มด้วย เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ) ก่อสร้างได้เร็ว เบิกค่างานได้เร็วไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ที่มีการปรับวงเงินลงทุนให้สอดคล้องกับการปฏิบัติจริง ซึ่งหลังจากบอร์ดรฟม.เห็นชอบแล้วจะเสนอเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอต่อ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาเห็นชอบต่อไป" ผู้ว่าฯรฟม. กล่าว
รฟม.หวั่นค่าโง่สายสีเหลือง
ผู้ว่าฯรฟม. ยังกล่าวถึง ส่วนขยายสายสีเหลือง ช่วงรัชดาฯ-ลาดพร้าว-รัชโยธิน ระยะทาง 2.6 กม. ว่าการเจรจากับ บริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM)ผู้รับสัมปทานสายสีเหลือง กรณีที่ให้มีข้อความในสัญญาต่อขยายสีเหลือง เปิดโอกาสให้มีการเจรจาในอนาคต กรณีที่กระทบต่อรายได้ และผู้โดยสาร ของบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน MRT ยังไม่คืบหน้า โดยมีเวลาเจรจาไปจนกว่าจะเปิด
ทั้งนี้ เป็นไปตามข้อเสนอ ซองที่ 4 ของ กลุ่ม บีทีเอส ที่ให้การเจรจาจบก่อนเปิดเดินรถสีเหลืองสายหลัก ซึ่งหากที่สุด เจรจาไม่ได้ คงต้องยุติส่วนต่อขยายสีเหลืองไปตามเงื่อนไข ทั้งนี้ จะต้องขึ้นกับการพิจารณาของบอร์ดรฟม. ด้วย
"รฟม.เสนอแนวทางที่ยืดหยุ่นที่สุด เพราะไม่ได้บอกว่าให้ชดเชยเลย แต่ให้เปิดช่องเพื่อเจรจาได้ และ BEMมีหน้าที่พิสูจน์ให้ได้ว่า กระทบจากส่วนต่อขยายสีเหลืองจริง จึงจะมีการพิจารณาแนวทางชดเชยที่เหมาะสม ซึ่งบอร์ดรฟม.เห็นด้วย เพราะ ไม่อยากให้มีค่าโง่ในอนาคต"
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดรฟม. ที่มี นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เป็นประธาน เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ได้มีมติเห็นชอบตามที่ รฟม.เสนอ ปรับปรุงวงเงินลงทุนประจำปี 64 จากที่เสนอไป18,482 ล้านบาท ลดลง1,965 ล้านบาท เหลือ 16,516 ล้านบาท โดยเป็นการปรับลดค่าลงทุนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ในส่วนของค่างานโยธาออกไป เนื่องจากยังไม่ได้ข้อยุติการใช้พื้นที่ของสำนักงานทรัพย์สินฯ และตามแผนงาน คาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ แต่อาจจะลงนามสัญญากับผู้รับจ้างไม่ทันปีงบประมาณ 2564 จึงยังไม่มีการเบิกจ่ายค่าก่อสร้างล่วงหน้า ประมาณ10% ของมูลค่างาน
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 23.6 กม. (โครงสร้างทางวิ่งใต้ดิน 12.6 กม. และวิ่งยกระดับ11 กม.) วงเงินลงทุน 101,100 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 15,913 ล้านบาท ค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์ 32 ล้านบาท ค่างานโยธา 77,385 ล้านบาท ค่าก่อสร้างสิ่งทดแทนหน่วยงานราชการที่ได้รับผลกระทบ 1,335 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง 2,865 ล้านบาท ค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด ของงานโยธา 3,582 ล้านบาท
โดยจะมีการประมูลก่อสร้างมูลค่า 80,967 ล้านบาท (มีค่างานโยธา 77,385 ล้านบาท และค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด 3,582 ล้านบาท) แบ่งเป็น 6 สัญญา ประกอบด้วย งานใต้ดิน 4 สัญญา งานทางยกระดับ 1 สัญญา และงานระบบราง 1 สัญญา) ขณะนี้ รฟม.ได้เตรียมเอกสารประกวดราคาเสร็จแล้ว หากได้ข้อสรุปเรื่องพื้นที่ก่อสร้าง ก็พร้อมเปิดประมูลทันที โดยจะมีการปรับปรุงราคากลางให้เป็นปัจจุบันก่อนวันประกาศประมูล 30 วัน คาดว่าจะเปิดขายซองประกวดราคา เดือนก.พ.64 ได้ตัวผู้ชนะประมูล ต.ค.-พ.ย. 64 และเริ่มก่อสร้างเดือน ธ.ค.64
นอกจากนี้ ลดงบลงทุนแล้ว มีส่วนที่เพิ่มด้วย เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ) ก่อสร้างได้เร็ว เบิกค่างานได้เร็วไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ที่มีการปรับวงเงินลงทุนให้สอดคล้องกับการปฏิบัติจริง ซึ่งหลังจากบอร์ดรฟม.เห็นชอบแล้วจะเสนอเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอต่อ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาเห็นชอบต่อไป" ผู้ว่าฯรฟม. กล่าว
รฟม.หวั่นค่าโง่สายสีเหลือง
ผู้ว่าฯรฟม. ยังกล่าวถึง ส่วนขยายสายสีเหลือง ช่วงรัชดาฯ-ลาดพร้าว-รัชโยธิน ระยะทาง 2.6 กม. ว่าการเจรจากับ บริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM)ผู้รับสัมปทานสายสีเหลือง กรณีที่ให้มีข้อความในสัญญาต่อขยายสีเหลือง เปิดโอกาสให้มีการเจรจาในอนาคต กรณีที่กระทบต่อรายได้ และผู้โดยสาร ของบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน MRT ยังไม่คืบหน้า โดยมีเวลาเจรจาไปจนกว่าจะเปิด
ทั้งนี้ เป็นไปตามข้อเสนอ ซองที่ 4 ของ กลุ่ม บีทีเอส ที่ให้การเจรจาจบก่อนเปิดเดินรถสีเหลืองสายหลัก ซึ่งหากที่สุด เจรจาไม่ได้ คงต้องยุติส่วนต่อขยายสีเหลืองไปตามเงื่อนไข ทั้งนี้ จะต้องขึ้นกับการพิจารณาของบอร์ดรฟม. ด้วย
"รฟม.เสนอแนวทางที่ยืดหยุ่นที่สุด เพราะไม่ได้บอกว่าให้ชดเชยเลย แต่ให้เปิดช่องเพื่อเจรจาได้ และ BEMมีหน้าที่พิสูจน์ให้ได้ว่า กระทบจากส่วนต่อขยายสีเหลืองจริง จึงจะมีการพิจารณาแนวทางชดเชยที่เหมาะสม ซึ่งบอร์ดรฟม.เห็นด้วย เพราะ ไม่อยากให้มีค่าโง่ในอนาคต"