ผู้จัดการรายวัน360-“ศักดิ์สยาม”ไม่ถอย เดินหน้าผุดเทอร์มินัลด้านเหนือวงเงินลงทุน 4.2 หมื่นล้านบาท หลังสภาพัฒน์เบรก เตรียมเสนอ “บิ๊กตู่” ตั้งคณะกรรมการ มี “อนุทิน”เป็นประธานเคลียร์ข้อข้องใจทั้งหมด ย้ำมีความจำเป็นเพื่อให้สุวรรณภูมิรองรับผู้โดยสารได้ 90 ล้านคนต่อปีในปี 66 พร้อมชง ครม. อนุมัติส่วนต่อขยาย “รถไฟฟ้าสีชมพู” วิ่งเข้าเมืองทองธานี ก่อนเซ็นบีทีเอส
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มีมติไม่เห็นด้วยกับโครงการพัฒนาอาคารผู้โดยสาร ส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. วงเงินลงทุน 42,000 ล้านบาท ว่า ได้นำเสนอต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อขอให้แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมาพิจารณา โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นประธาน และมีตนเป็นรองประธาน โดยมีผู้แทน สภาพัฒน์ และ ทอท. เป็นกรรมการ
ทั้งนี้ เมื่อได้คณะกรรมการแล้ว จะมาหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงคมนาคม ทอท. และสภาพัฒน์ เพื่อพิจารณาเหตุผลและความจำเป็นในการดำเนินการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารส่วนต่อขายด้านทิศเหนือต่อไป
อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างในส่วนนี้ จะไม่มีปัญหาในเรื่องความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร เมื่อเปรียบเทียบกับการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านตะวันออก (East Expansion) และขยายฝั่งตะวันตก (West Expansion) ตามแผนเดิม ที่มีปัญหาในเรื่องการติดขัดในการเข้าออกของผู้โดยสาร อีกทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับศักยภาพของรันเวย์ที่ 3 ที่กำลังก่อสร้าง ที่มีเป้าหมายทำให้สนามบินสุวรรณภูมิรองรับผู้โดยสารที่ 90 ล้านคนต่อปี ในปี 2566 จึงต้องมีการเพิ่มอาคารผู้โดยสาร ส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ รองรับ 30 ล้านคนต่อปี และอาคารเทียบเครื่องบินรอง หลังที่ 1 หรือ SAT-1 ที่รองรับผู้โดยสารได้ 15 ล้านคนต่อปี
“คงต้องฟังเหตุผลจากสภาพัฒน์ก่อน และหากเป็นไปได้ ผมจะเสนอให้มีการก่อสร้าง ทั้งส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ และขยายอาคารเดิม ด้านตะวันออก และตะวันตก และเรื่องนี้เห็นว่ายังมีเวลาในการพิจารณาร่วมกัน”นายศักดิ์สยามกล่าว
นายศักดิ์สยามกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ช่วงแคราย-มีนบุรี) จากสถานีศรีรัช-เมืองทองธานีว่า ตนได้ลงนามให้ความเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2563 ที่ผ่านมา และได้เสนอต่อนายอนุทิน ตามขั้นตอนแล้ว คาดว่าจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาเห็นชอบในวันนี้ (8 ธ.ค.) หรืออย่างช้าในการประชุมครม.สัปดาห์ต่อไป
ทั้งนี้ หลังจากที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้เสนอผลการพิจารณามายังกระทรวงคมนาคม ได้มีการสอบถามเพิ่มเติมถึง 4 ครั้ง เพื่อให้เกิดรอบคอบ และเป็นไปตามระเบียบข้อกฎหมาย และหากที่ประชุม ครม. เห็นชอบ และไม่มีความเห็นเพิ่มเติม รฟม. สามารถลงนามแนบท้ายสัญญากับบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ของกลุ่มกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (บีทีเอส-ซิโนไทยฯ-ราชกรุ๊ป) ซึ่งผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีชมพูได้ตามขั้นตอน
ส่วนต่อขยายสายสีชมพู (สถานีศรีรัช-เมืองทองธานี) ระยะทาง 3 กิโลเมตร (กม.) จำนวน 2 สถานี มีวงเงินลงทุน 3,379 ล้านบาท โดยบริษัท NBM เป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด
สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-สำโรง) ส่วนต่อขยายจากสถานีแยกรัชดา-ลาดพร้าว ถึงแยกรัชโยธิน ตนได้เร่งรัดผู้ว่าการ รฟม. แก้ไขปัญหาอุปสรรคโดยเร็ว ซึ่งกรณีที่ยังไม่สามารถได้ข้อยุติเรื่องผลกระทบด้านผู้โดยสารของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน กรณีที่มีการขยายเส้นทางสายเหลืองไปถึงแยกรัชโยธิน รฟม. จะต้องเจรจากับเอกชนทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยกัน เชื่อว่า ไม่น่ามีปัญหา
รายงานข่าวแจ้งว่า รฟม.ได้ส่งหนังสือสอบถามบริษัท อิสเทิร์นบางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM) ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ครั้งที่ 3 โดยขอให้บริษัท EBM ทบทวนข้อเสนอที่ให้เพิ่มเติมในสัญญาว่าจะเปิดโอกาสให้มีการเจรจาเมื่อบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (BEM) ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินพิสูจน์ได้ว่า ได้รับผลกระทบจากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองส่วนต่อขยาย โดยสายสีเหลืองส่วนต่อขยายช่วงแยกรัชดา-ลาดพร้าวถึงแยกรัชโยธิน มีระยะทาง 2.6 กม. ลงทุนกว่า 3,700 ล้านบาท
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มีมติไม่เห็นด้วยกับโครงการพัฒนาอาคารผู้โดยสาร ส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. วงเงินลงทุน 42,000 ล้านบาท ว่า ได้นำเสนอต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อขอให้แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมาพิจารณา โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นประธาน และมีตนเป็นรองประธาน โดยมีผู้แทน สภาพัฒน์ และ ทอท. เป็นกรรมการ
ทั้งนี้ เมื่อได้คณะกรรมการแล้ว จะมาหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงคมนาคม ทอท. และสภาพัฒน์ เพื่อพิจารณาเหตุผลและความจำเป็นในการดำเนินการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารส่วนต่อขายด้านทิศเหนือต่อไป
อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างในส่วนนี้ จะไม่มีปัญหาในเรื่องความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร เมื่อเปรียบเทียบกับการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านตะวันออก (East Expansion) และขยายฝั่งตะวันตก (West Expansion) ตามแผนเดิม ที่มีปัญหาในเรื่องการติดขัดในการเข้าออกของผู้โดยสาร อีกทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับศักยภาพของรันเวย์ที่ 3 ที่กำลังก่อสร้าง ที่มีเป้าหมายทำให้สนามบินสุวรรณภูมิรองรับผู้โดยสารที่ 90 ล้านคนต่อปี ในปี 2566 จึงต้องมีการเพิ่มอาคารผู้โดยสาร ส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ รองรับ 30 ล้านคนต่อปี และอาคารเทียบเครื่องบินรอง หลังที่ 1 หรือ SAT-1 ที่รองรับผู้โดยสารได้ 15 ล้านคนต่อปี
“คงต้องฟังเหตุผลจากสภาพัฒน์ก่อน และหากเป็นไปได้ ผมจะเสนอให้มีการก่อสร้าง ทั้งส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ และขยายอาคารเดิม ด้านตะวันออก และตะวันตก และเรื่องนี้เห็นว่ายังมีเวลาในการพิจารณาร่วมกัน”นายศักดิ์สยามกล่าว
นายศักดิ์สยามกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ช่วงแคราย-มีนบุรี) จากสถานีศรีรัช-เมืองทองธานีว่า ตนได้ลงนามให้ความเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2563 ที่ผ่านมา และได้เสนอต่อนายอนุทิน ตามขั้นตอนแล้ว คาดว่าจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาเห็นชอบในวันนี้ (8 ธ.ค.) หรืออย่างช้าในการประชุมครม.สัปดาห์ต่อไป
ทั้งนี้ หลังจากที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้เสนอผลการพิจารณามายังกระทรวงคมนาคม ได้มีการสอบถามเพิ่มเติมถึง 4 ครั้ง เพื่อให้เกิดรอบคอบ และเป็นไปตามระเบียบข้อกฎหมาย และหากที่ประชุม ครม. เห็นชอบ และไม่มีความเห็นเพิ่มเติม รฟม. สามารถลงนามแนบท้ายสัญญากับบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ของกลุ่มกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (บีทีเอส-ซิโนไทยฯ-ราชกรุ๊ป) ซึ่งผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีชมพูได้ตามขั้นตอน
ส่วนต่อขยายสายสีชมพู (สถานีศรีรัช-เมืองทองธานี) ระยะทาง 3 กิโลเมตร (กม.) จำนวน 2 สถานี มีวงเงินลงทุน 3,379 ล้านบาท โดยบริษัท NBM เป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด
สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-สำโรง) ส่วนต่อขยายจากสถานีแยกรัชดา-ลาดพร้าว ถึงแยกรัชโยธิน ตนได้เร่งรัดผู้ว่าการ รฟม. แก้ไขปัญหาอุปสรรคโดยเร็ว ซึ่งกรณีที่ยังไม่สามารถได้ข้อยุติเรื่องผลกระทบด้านผู้โดยสารของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน กรณีที่มีการขยายเส้นทางสายเหลืองไปถึงแยกรัชโยธิน รฟม. จะต้องเจรจากับเอกชนทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยกัน เชื่อว่า ไม่น่ามีปัญหา
รายงานข่าวแจ้งว่า รฟม.ได้ส่งหนังสือสอบถามบริษัท อิสเทิร์นบางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM) ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ครั้งที่ 3 โดยขอให้บริษัท EBM ทบทวนข้อเสนอที่ให้เพิ่มเติมในสัญญาว่าจะเปิดโอกาสให้มีการเจรจาเมื่อบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (BEM) ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินพิสูจน์ได้ว่า ได้รับผลกระทบจากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองส่วนต่อขยาย โดยสายสีเหลืองส่วนต่อขยายช่วงแยกรัชดา-ลาดพร้าวถึงแยกรัชโยธิน มีระยะทาง 2.6 กม. ลงทุนกว่า 3,700 ล้านบาท