นายพิชิต อัคราทิตย์ ประธานกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวเปิดการสัมมนาวิชาการ "SEC Capital Market Symposium 2020" โดยระบุว่า "งานวิจัย" เป็นกระบวนการสร้างความรู้ใหม่ๆ ทำให้เกิดการพัฒนาและนวัตกรรม ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยสามารถปรับตัวรองรับผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนและความผันผวนที่เพิ่มขึ้นมากในยุคปัจจุบัน รวมทั้งการมีข้อมูลและงานวิจัยประกอบการตัดสินใจจะส่งผลให้การดำเนินนโยบายต่างๆ ของ ก.ล.ต. ในด้านการพัฒนาและกำกับดูแลตลาดทุนเป็นไปอย่างแม่นยำตรงเป้าหมายและเกิดประสิทธิผลตามที่คาดหวังไว้
น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ก.ล.ต.ให้ความสำคัญต่อการวิจัยเชิงนโยบาย และจัดสัมมนาวิชาการ SEC Capital Market Symposium อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นถึงการใช้ประโยชน์ของข้อมูลจำนวนมาก (Big Data) ที่มีอยู่ในตลาดทุนมาต่อยอดเป็นงานวิจัยและส่งเสริมนวัตกรรมในตลาดทุน ซึ่งจะนำไปสู่การดำเนินนโยบายที่มีประสิทธิภาพและเสริมศักยภาพตลาดทุนไทยสู่ความยั่งยืน รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนในแต่ละเจเนอเรชันสามารถใช้ตลาดทุนเป็นแหล่งลงทุน ขณะที่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัป ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจไทยให้สามารถระดมทุนผ่านตลาดทุนได้
ในการสัมมนาครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นายสันติธาร เสถียรไทย Group Chief Economist และ Managing Director บริษัท Sea Limited ปาฐกถาพิเศษผ่านระบบออนไลน์ เรื่อง "เศรษฐกิจและตลาดทุนไทย ในวันที่โลกหมุนเร็วขึ้น" และนายอาร์ม ตั้งนิรันดร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปาฐกถาพิเศษเรื่อง "ระเบียบโลกใหม่ : มองโอกาสและความท้าทายของธุรกิจโลกในปี 2021
"COVID-19 เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้หลายเทรนด์สำคัญของโลกมาถึงเร็วขึ้น สร้างทั้งความท้าทายและโอกาสสำหรับประเทศไทยในหลายมิติ ในภาวะปกติใหม่นี้ ตลาดทุนจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 4 ประการ (SEC-R) คือ การสร้างความยั่งยืน (Sustainability) ความเท่าเทียมทางโอกาส (Equality) ความสามารถทางการแข่งขัน (Competitiveness) และภูมิคุ้มกัน (Resilience)" นายสันติธาร กล่าว
นายอาร์ม กล่าวว่า ในอนาคตตลาดทุนจะพบกับความท้าทายจาก 1.เศรษฐกิจผันผวน ดอกเบี้ยต่ำ สภาพคล่องสูง 2.สังคมผู้สูงอายุ ที่ทำให้ต้องลงทุนระยะยาว และ 3.เทคโนโลยีจะเปลี่ยนตลาดทุน โดยธุรกิจที่เข้มแข็งจะต้องเป็นธุรกิจที่เชื่อมโลก (Connectivity) ธุรกิจที่ทันขบวน Tech (Tech Transformation) และธุรกิจที่ยั่งยืน (ESG) โดยควรใช้ COVID-19 เป็นตัวเร่งการเปลี่ยนแปลง และเมื่อธุรกิจเข้มแข็งจะส่งผลให้ตลาดทุนเข้มแข็งไปด้วย
พร้อมกันนี้ ฝ่ายวิจัย ก.ล.ต. ได้เปิดเผยผลงานวิจัยพฤติกรรมผู้ลงทุนแต่ละเจเนอเรชันโดยใช้ Big Data ซึ่งแสดงให้เห็นฐานผู้ลงทุนรุ่นใหม่ที่เติบโตขึ้น พฤติกรรมการลงทุนที่เริ่มเปลี่ยนไป และอุตสาหกรรมต้องเตรียมตัวรองรับผู้ลงทุนที่เกษียณอายุมากขึ้น พร้อมทั้งต้องมีผลิตภัณฑ์การลงทุนที่รองรับผู้ลงทุนรายเจเนอเรชัน รวมทั้งวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากภาควิชาการมาร่วมนำเสนองานวิจัยเชิงนโยบายตลาดทุน ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและเหตุผลของผู้ลงทุน รวมถึงผลกระทบต่อมูลค่ากิจการของบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG การลงทุนโดยใช้เทคนิค Factor investing
นอกจากนี้ มีการเสวนาเรื่อง "สร้างคุณค่างานวิจัย เสริมศักยภาพตลาดทุนไทยสู่ความยั่งยืน" ที่ผู้ร่วมเสวนาชี้ให้เห็นถึงโอกาสของธุรกิจใหม่ๆ ในตลาดทุนที่จะเกิดขึ้นจากการต่อยอดงานวิจัยและใช้เทคโนโลยีเป็นแรงขับเคลื่อนอีกด้วย