xs
xsm
sm
md
lg

L&E ปรับโครงสร้างทีมบริหาร

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ ปรับทีมบริหารใหม่ หลังชุดเก่าวางมือ หวังให้คนรุ่นใหม่บริหาร พร้อมตั้ง “อนันต์ กิตติ
วิทยากุล” นั่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ “นภาพร วิมลอนุพงษ์” เป็นกรรมการผู้จัดการ ผลักดัน L&E ไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ บริษัทฯ ย้ำการดำเนินงานทั้งหมดยังขับเคลื่อนด้วยทีมคณะกรรมการและผู้บริหารชุดเดิม การปรับเปลี่ยนครั้งนี้เพื่อที่จะเติบโตในอนาคตได้อย่างแข็งแกร่ง


นายอนันต์ กิตติวิทยากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เนื่องจากนายยงค์ ทรัพย์ทวยชน และนายปกรณ์ บริมาสพร ผู้ร่วมก่อตั้ง L&E Group เห็นว่าพวกตนมีอายุมากแล้ว จึงอยากเห็นคนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในการสานต่อเป้าหมายที่จะทำให้ L&E Group เป็นผู้นำธุรกิจด้านไฟฟ้าแสงสว่างในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งมีบทบาทสำคัญในเวทีระดับโลกต่อไป จึงได้ลาออกจากการเป็นกรรมการ และได้สนับสนุนให้ นายนัทลี ทรัพย์ทวยชน และนายเอกลักษณ์ บริมาสพร เป็นกรรมการบริษัทแทนคณะกรรมการ

บริษัทได้แต่งตั้งให้ "อนันต์ กิตติวิทยากุล" เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ "นภาพร วิมลอนุพงษ์" เป็นกรรมการผู้จัดการ เพื่อช่วยกันนำพาบริษัทไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยที่คุณยงค์ และคุณปกรณ์ จะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาเพื่อให้การบริหารงานในช่วงเปลี่ยนผ่านดำเนินไปได้ด้วยความราบรื่นและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งจะสนับสนุนให้บริษัทขยายธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสอดรับต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลต่อไป

นายอนันต์ กิตติวิทยากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า บริษัทฯ จะยังคงโมเดลธุรกิจว่า “Total Lighting Solution Provider” เพื่อสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าของเราจะได้รับบริการที่ดีที่สุดและสามารถตอบโจทย์ของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ภายใต้กระแสเศรษฐกิจดิจิทัลที่เรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ บริษัทฯ จะยังคงให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้องกับ IoT ซึ่งบริษัทฯ ได้พัฒนาจนกล่าวได้ว่าอยู่ในขั้นแนวหน้าของประเทศ มีผลงานในด้านนี้จำนวนมาก เช่น สมาร์ทซิตี ที่อำเภอเกาะสมุย โคมไฟถนนอัจฉริยะ ที่วังจันทน์ วัลเลย์ จังหวัดระยอง และโคมไฟฟ้าโซลาร์อัจฉริยะรอบสนามบิน จำนวน 22 แห่ง ของกรมท่าอากาศยาน เป็นต้น

และมีแนวโน้มว่าธุรกิจด้านนี้กำลังเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไฟปลูกพืชที่บริษัทฯ ได้พัฒนาขึ้นมาหลายปีแล้วกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเราได้มีธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลจากสงครามการค้าระหว่างอเมริกาและจีน ส่งผลให้เราได้ส่งสินค้าไปขายให้แก่ลูกค้าหลายรายในประเทศอเมริกาผ่านบริษัทพันธมิตร และปัจจุบันยังมีบริษัทอื่นจากประเทศอเมริกาติดต่อให้บริษัทผลิตสินค้าให้โดยตรงซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดี เพื่อสอดรับแนวโน้มดังกล่าวที่เน้นการผลิตสินค้าครั้งละจำนวนมาก เราจึงได้ขยายเพิ่มโมเดลธุรกิจใหม่ขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า “Efficient ValueChain Management” โดยเน้นการลดต้นทุนและควบคุมคุณภาพสินค้าตลอดห่วงโซ่การผลิต

บริษัทฯ ให้ความสําคัญต่อการเติบโตที่ยั่งยืน โดยมีนโยบายรักษาวินัยทางการเงิน และจะรักษาสัดส่วน D/E ที่เหมาะสม ไม่ให้เกิดปัญหาความเสี่ยงจากการลงทุนมากเกินไป อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่กระทบต่อโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่แต่อย่างใด และบริษัทฯ ยังคงคำนึงถึงประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นเป็นหลักพร้อมทั้งการขยายโอกาสทางการตลาดไปยังนานาประเทศ เชื่อว่าจะสร้างการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ” นายอนันต์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น