ยูเอซี โกลบอล กำไรโต ใจป้ำปันผลหุ้นละ 0.06 บาท

ยูเอซี โกลบอล งวด 9 เดือนแรกปี 2563 มีกำไรสุทธิ 163.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.78% จากทุกหน่วยธุรกิจ โดยเฉพาะการเติบโตของธุรกิจไบโอดีเซล ที่นโยบายรัฐสนับสนุนการใช้ B10 และบุ๊กกำไรเงินปันผลระหว่างกาลของ BBF อีก 71.78 ล้านบาท เพิ่มสภาพคล่องสูง ทำให้มีการอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลในเดือนธันวาคม จำนวน 0.06 บาทต่อหุ้น

นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานว่า แม้รายได้จากการขายและการให้บริการลดลงจาก Cycle ของสินค้าและผลกระทบจาก COVID-19 แต่บริษัทฯ ปรับกลยุทธ์โดยมุ่งเน้นไปที่การทำกำไรสุทธิ ซึ่งงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563) นั้นอยู่ที่ 163.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.78% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 112.96 ล้านบาท โดย Gross Margin เพิ่มขึ้น 7.7% มาอยู่ที่ 19.51% โดยบริษัทฯ ออกนโยบายประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 14.6 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ส่งผลให้ EBITDA งวด 9 เดือนแรกปี 2563 อยู่ที่ 296.92 ล้านบาท เข้าใกล้เป้าหมายปี 2563 ที่ 350 ล้านบาท

ส่วนไตรมาส 3/2563 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 276.39 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 362.50 ล้านบาท แต่ด้านกำไรสุทธินั้นเพิ่มขึ้นกว่า 303% อยู่ที่ 30.09 ล้านบาท จากไตรมาส 3/2562 ที่ทำได้ 7.46 ล้านบาท ทั้งนี้แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลให้ลูกค้าในกลุ่มธุรกิจเทรดดิ้ง  เช่น ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันชะลอการซื้อเนื่องจากพิษเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อ แต่บริษัทฯ ยังได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐสนับสนุนการใช้ B10 ส่งผลให้บริษัทร่วมทุน BBF ตามสัดส่วนการถือหุ้น 30% มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังสามารถบันทึกกำไรจากเงินปันผลระหว่างกาลของ BBF อีกจำนวน 71.78 ล้านบาท ทำให้มีสภาพคล่องของบริษัทฯ สูง คณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติการจ่ายปันผลระหว่างกาล จำนวน 0.06 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 9 ธันวาคม 2563 ที่จะถึงนี้

นอกจากนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ UAC ยังได้กล่าวถึงภาพรวมในช่วงปลายปี 2563 ว่า ยังคงต้องจับตาสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่ยังคงมีความไม่แน่นอน เช่น เหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง การตัดสิทธิ GSP ไทยของสหรัฐฯ และสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 รวมทั้งความคืบหน้าการผลิตวัคซีนป้องกัน COVID-19

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ “25 ปี ก้าวต่อไปด้วยความยั่งยืน” ซึ่งประกอบไปด้วยแผนขยายการลงทุนด้าน Energy Efficiency ทั้งในประเทศ และกลุ่มประเทศ CLMV พร้อมทั้งการศึกษาการลงทุนโครงการ และการให้บริการในรูปใหม่ๆ ในกลุ่มโรงไฟฟ้าชุมชนต่อไป และได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยมีการขายหุ้นในบริษัทย่อยที่เป็น Non-Core Business เพื่อรองรับแผนการลงทุนที่กระชับขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ล่าสุด บริษัทฯ ได้ลงนามเพื่อเข้าเป็นที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างระบบไบโอแก๊สจากวัตถุดิบเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตของโรงงาน (ซังข้าวโพด) ร่วมกับ บมจ.ซันสวีท (SUN) โดยนำประสบการณ์ในการเดินระบบผลิตไบโอแก๊สจากพืชพลังงานของโรงงานแม่แตง 2 ของ UAC มาใช้ ซึ่งถือเป็นความร่วมมือและสามารถต่อยอดได้ในอนาคต