ยูเอซี โกลบอล ไตรมาสแรกกำไรสุทธิ 103.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.74 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53% จากธุรกิจเทรดดิ้งที่มีมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น และยังรับรู้ส่วนแบ่งผลกำไรของบริษัทฯ ร่วม BBF เพิ่มขึ้นอีกด้วย ด้าน CEO “ชัชพล ประสพโชค” ระบุบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนทางธุรกิจทุกด้าน ทั้งในประเทศ และต่างประเทศตามแผน
นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2563 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 103.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิม 35.74 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53.1% และแม้รายได้จากการขายและบริการจะลดลง แต่ระดับอัตราผลกำไรขั้นต้น (gross margin) เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จาก 9.9% ขึ้นมาที่ 23.8% หรือคิดเป็นการเติบโต 13.9% เมื่อเทียบจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ขยับขึ้นจาก 12.3% เป็น 29.1% หรือเพิ่มขึ้นราว 16.8%
ส่วน EBITDA งวดไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ 153.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.39 ล้านบาท หรือ 22.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น โรงงานต่างๆ สามารถผลิตได้ตามแผนงาน และควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ลงอย่างชัดเจน
สำหรับส่วนแบ่งผลกำไร บริษัท บางจาก ไบโอฟูเอล จำกัด (BBF) ตามสัดส่วนการถือหุ้น 30% นั้น บริษัทฯ ได้รับประโยชน์จากการส่งเสริมของภาครัฐที่ให้ใช้ไบโอดีเซลเป็นพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง โดยปรับให้มีการใช้น้ำมันดีเซลจาก B10 เป็น B20 ซึ่งในไตรมาสแรกนี้ BBF มีผลประกอบการที่โดดเด่น ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับอานิสงส์จากกรณีดังกล่าว
“ต้องยอมรับว่าในช่วงไตรมาส 1/2563 ที่ผ่านมาภาพรวมการลงทุนทั้งประเทศและทั่วโลกต้องเจอสถานการณ์ที่เข้ามากดดันทั้งภายในและภายนอกประเทศ จนก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และล่าสุดมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งถือว่าเป็นตัวแปรสำคัญต่อการลงทุน อีกทั้งการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันในตลาดโลกในช่วงที่ผ่านมา ยิ่งทำให้เกิดผลกระทบด้านลบมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน และปิโตรเคมี ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของบริษัทฯ” นายชัชพลกล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนทางธุรกิจทุกด้านทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าชุมชน และการลงทุนในโครงการบริหารจัดการขยะ พร้อมโรงไฟฟ้าขยะ 6 เมกะวัตต์ที่สปป.ลาว ตามแผนอย่างต่อเนื่อง พร้อมยืนยันว่ายังพยายามรักษาระดับของกำไร (bottom line) ให้ได้ตามเป้าหมาย ขณะเดียวกันจะรักษาสภาพคล่องของบริษัทฯ ให้อยู่ระดับสูง และเตรียมชำระคืนเงินหุ้นกู้จำนวน 400 ล้านบาทที่จะครบอายุในเดือนมิถุนายนไว้เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ จะบริหารให้ส่วนของกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้