"แอสเซทไวส์" วิเคราะห์โควิด-19 น่ากลัวกว่าม็อบการเมือง ชี้พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังดี แบงก์ และธุรกิจขนาดใหญ่มีความแข็งแรงอยู่ พร้อมเปิดแผนปี 64 รุกตลาดแนวราบ รับพฤติกรรมลูกค้ากังวลโรคระบาด ดันบริษัทร่วมทุนเปิดโครงการทาวน์โฮมระดับพรีเมียม "ภูริปุรี คอร์ทยาร์ด-พัฒนาการ" เริ่มต้น 14.2 ล้านบาท จ่อปีหน้าเปิดโฮมออฟฟิศ มั่นใจยอดโอนปีนี้ได้เป้า 3,500 ล้านบาท มี 2 คอนโดฯโอน 1,500 ล้านบาท
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงอุปสรรคใหญ่ของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องถึงปี 2564 ว่า จะให้น้ำหนักในเรื่องการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวที่สุด ขณะที่มาพิจารณาในเรื่องพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ธนาคาร หรือธุรกิจขนาดใหญ่ก็มีความแข็งแรงอยู่ แสดงว่าเศรษฐกิจไม่ได้แย่มาก และผมมีความหวังว่า ถ้าการเมืองปรับความเข้าใจกัน มีความเห็นที่ตรงกัน ก็คิดว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ เพราะทุกคนเคยได้รับบทเรียนมากันอย่างต่อเนื่อง ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่ เวลาไหน ตรงนี้ไม่รู้ แต่ทุกฝ่ายมีความต้องการที่ชัดเจน ถ้าเจรจากันได้ก็จบ
"ผมคิดว่าการชุมนุมที่ยืดเยื้อไม่ได้ช่วยอะไร สิ่งสำคัญต้องคุยกัน ดังนั้น ในมุมของผมแล้ว โควิด-19 น่ากลัวกว่าการเมือง เพราะโควิด-19 เป็นเรื่องระดับโลก จากข้อมูลที่ได้รับ เราอาจจะอยู่ด้วยกันแบบมีความหวัง อยู่กันได้แม้ไม่มีวัคซีน ดังนั้น สิ่งที่เรามองผลจากโควิด-19 การที่มีลูกค้าเข้ามาชมบ้านในโครงการในภาวะแบบนี้ แสดงว่ามีความต้องการอยู่ ดังนั้น การมีบ้าน เป็นการตอบโจทย์คน เพราะทุกคนรอการมีวัคซีน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะไปไกลแค่ไหน ซึ่งในสถานการณ์ที่มีการระบาดอยู่ ควรนำเรื่องโควิด-19 มากำหนดเป็นกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับตลาด" นายกรมเชษฐ์ กล่าว
โดยแม้ว่าในปัจจุบัน บริษัทแอสเซทไวส์ฯ จะไม่มีการพัฒนาโครงการแนวราบขนาดใหญ่มาก แต่คาดว่าหลังเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้ จะทำให้ฐานของบริษัทฯมีความแข็งแกร่งมากขึ้น หนี้สินต่อทุน (D/E) จะลดต่ำกว่า 2 เท่า และแผนในปี 2564 จะเพิ่มโครงการแนวราบมากขึ้น โดยกำหนดเป้าหมายให้มีสัดส่วนจากไม่ถึง 10% ของยอดขาย ขยับเพิ่มเป็น 10-30% ในระยะข้างหน้า สินค้าแนวราบที่จะพัฒนาจะมีทั้งโครงการบ้านเดี่ยวระดับราคา 6-12 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ 4-6 ล้านบาท เป็นต้น
สำหรับความคืบหน้าโครงการร่วมทุน (JV) ในโครงการแนวราบนั้น นายกรมเชษฐ์ กล่าวว่า โครงการบ้าน "ภูริปุรี คอร์ทยาร์ด-พัฒนาการ" เป็นโครงการ 2 ที่ร่วมพัฒนาในปีนี้ ภายใต้ชื่อ บริษัท เอบีเจวี จำกัด โดยมีบริษัทแอสเซทไวส์ฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 51% และกลุ่มบริษัทบ้านภูริปุรี โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทรวมตัวของกลุ่มสถาปนิกถืออีก 49% โดยเป็นโครงการแรกในรูปแบบทาวน์โฮมระดับพรีเมียม ที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่ใช้สอยและสามารถเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างสะดวก โครงการจะมีจำนวน 37 ยูนิต ในรอบ VVIP มียอดขายไปแล้ว 14 ยูนิต มูลค่า 200 ล้านบาท จากมูลค่าทั้งโครงการ 530 ล้านบาท และเตรียมเปิดขายพรีเซลส์ใหัแก่ลูกค้าทั่วไป วางเป้าขายอีก 10 หลัง ซึ่งในช่วงเดือนธันวาคมจะเริ่มส่งมอบให้ลูกค้า และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและปิดการขายได้ทั้งหมดภายในกลางปี 2564
"จริงๆ ตนรู้จักและทำงานร่วมกับสถาปนิกที่เป็นผู้ถือหุ้นมานาน ซึ่งปัจจุบันโครงการที่อยู่ภายใต้โครงการร่วมทุน มี 3 โครงการ ในปีนี้มี 2 โครงการ และปี 64 อีก 1 โครงการ รวมมูลค่า 840 ล้านบาท ทั้งนี้ การจะทำโครงการในรูปเหมือนกับ "ภูริปุรี คอร์ทยาร์ด-พัฒนาการ" นั้น จะต้องคำนึงถึงต้นทุนที่ดินไม่เกินตารางวา 1 แสนบาท อยู่ในชุมชนแต่ไม่ใช่อยู่ใจกลางเมือง สามารถรองรับกลุ่มครอบครัว หรือเป็นบ้านหลังที่ 2 ได้ และยังเป็นโปรดักต์ที่เป็นทางเลือกให้แก่กลุ่มลูกค้าคนเมืองที่ต้องการมองหาที่อยู่อาศัยใกล้เมือง"
ในส่วนของผลประกอบการในปี 2563 คาดว่าจะมียอดโอนตามเป้าหมายเดิมที่ 3,500 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) สามารถทำได้ 1,500 ล้านบาท และคาดว่าไตรมาส 3 และ 4 จะสามารถผลักดันให้มียอดขายได้ตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากจะมี 2 โครงการคอนโดมิเนียมที่จะทยอยโอนคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท และเริ่มโอนจากโครงการ "ภูริปุรี คอร์ทยาร์ด-พัฒนาการ" อีก 30 ล้านบาท ปัจจุบัน คอนโดฯ พร้อมโอน (สต๊อก) มีประมาณ 2,600 ล้านบาท
ด้าน นายปจิตพงษ์ พงษ์ศิวาภัย กรรมการและสถาปนิก บริษัท บ้านภูริปุรี จำกัด กล่าวถึงภาพรวมของการออกแบบโครงการฯ ว่า “บ้านภูริปุรี คอร์ทยาร์ด-พัฒนาการ ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ลงตัวทั้งในด้านพื้นที่ใช้สอยและความงามทางสถาปัตยกรรม ภายใต้แนวคิดใหม่ ‘Another Step of Townhome with Private Courtyard’ เพื่อให้ใช้ชีวิตเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติอย่างเป็นส่วนตัวแบบไม่เหมือนใคร และเป็นการฉีกแนวในการพัฒนาทาวน์โฮมรูปแบบเดิมที่เป็นกล่อง ทึบตัน เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่คุณภาพ อยู่ร่วมกันกับธรรมชาติอย่างผ่อนคลาย และเป็นหนึ่งเดียวกัน จึงเป็นที่มาของการออกแบบ Private Courtyard ที่ตั้งอยู่ใจกลางบ้าน โดยการวาง Layout บ้านแบบนี้ นอกจากจะเพิ่มความแปลกใหม่ให้แก่ตัวบ้านแล้ว ยังเพิ่มเติมการเล่นระดับพื้นที่ให้มีลูกเล่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้ง Indoor และ Outdoor อีกทั้งบริเวณหน้าบ้านยังมีการปลูกดอกไม้เลื้อย อย่างเหลืองชัชวาล ที่มีดอกเป็นสีเหลือง เพื่อเพิ่มความสวยงาม และสอดคล้องกับกระเบื้องโมเสกสีทอง และสีเงิน ซึ่งเมื่อสะท้อนกับแสงแดด จะยิ่งทำให้บ้านดูสวยงามโดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย”
นายขจร จรูญวาณิชย์ กรรมการและสถาปนิก บริษัท บ้านภูริปุรี จำกัด กล่าวถึงการออกแบบตกแต่งและเลือกใช้วัสดุให้แก่โครงการฯ ว่า “สำหรับการออกแบบนั้นเราให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน เพื่อให้สอดคล้องกับอาคาร ด้วย Private Courtyard ที่หากดูแปลนอย่างเดียวจะเห็นว่าคล้ายกันมาก แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่า Private Courtyard นั้น ไม่ได้อยู่ระดับเดียวกับพื้นดินเหมือนเดิม แต่ค่อยๆ ยกเป็นสเต็ปไล่ขึ้นไปจากชั้นล่าง ทำให้พื้นที่โปร่งโล่ง สามารถรับความอบอุ่นจากแสงแดดเพิ่มขึ้นผ่านจากช่องรับแสงด้านบนที่เปิดกว้าง ซึ่งทำให้มีการไหลเวียนของลมได้เป็นอย่างดี เพื่อให้บ้านเย็นสบายมากขึ้น โดยพื้นที่ Private Courtyard นี้ ยังสามารถใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งอ่านหนังสือ หรือพื้นที่ทำกิจกรรมระหว่างครอบครัว และยังเป็นการแก้ปัญหาของทาวน์โฮมในรูปแบบเดิม ที่ลูกค้าต้องการมีพื้นที่สีเขียวที่สามารถใช้งานได้จริง เพื่อตอบไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัยที่ต้องการใกล้ชิดกับธรรมชาติ”