ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดมิติใหม่ในการออมพร้อมลุ้นรางวัลด้วย “สลากออมทรัพย์ ธอส.ชุดเกล็ดดาว” หน่วยละ 5,000 บาท จำนวนรวม 3 ล้านหน่วย กรอบวงเงิน 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 หมวดๆ ละ 1 ล้านหน่วย อายุสลาก 2 ปี ผลตอบแทนหน้าสลาก 0.4% ต่อปี ออกรางวัลทุกเดือน รวม 24 ครั้ง แบ่งเป็น รางวัลที่ 1 มูลค่า 1,000,000 บาท/หมวด รางวัลที่ 2 มูลค่า 50,000 บาท จำนวน 4 รางวัล/หมวด รางวัลที่ 3 มูลค่า 5,000 บาท จำนวน 20 รางวัล/หมวด รางวัลที่ 4 มูลค่า 500 บาท จำนวน 20 รางวัล/หมวด คิดเป็นโอกาสในการถูกรางวัลสูงถึง 0.0045% พิเศษ!! ลุ้นรางวัลเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว และได้ลุ้นครั้งแรกกับรางวัลเลขสลับเลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัวที่ไม่เคยมีในสลากออมทรัพย์ที่ไหนมาก่อน เริ่มจำหน่าย 20 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป พร้อมแจงผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 63 ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้ว 155,980 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.90%
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า เพื่อเป็นการสร้างมิติใหม่ในการออมให้แก่ลูกค้าประชาชนที่ต้องการออมในผลิตภัณฑ์ที่เมื่อฝากเงินครบกำหนดจะได้รับทั้งผลตอบแทนที่ดี เงินต้นที่ฝากไว้ยังอยู่ครบ และยังมีโอกาสได้ลุ้นรางวัลพิเศษทุกเดือน รวมถึงได้ร่วมเป็น ส่วนหนึ่งในการสร้างโอกาสทำให้คนไทยได้มีบ้าน ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารในวันนี้ (19 ต.ค.) จึงได้มีมติเห็นชอบให้ธนาคารจัดทำผลิตภัณฑ์สลากออมทรัพย์ ธอส.ชุดเกล็ดดาว หน่วยละ 5,000 บาท เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันอังคารที่ 20 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป จำนวนรวม 3 ล้านหน่วย หรือกรอบวงเงิน 15,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น 3 หมวดๆ ละ 1 ล้านหน่วย อายุสลาก 2 ปี ผลตอบแทนหน้าสลาก 0.4% ต่อปี ออกรางวัลทุกเดือน รวม 24 ครั้ง แบ่งเป็น รางวัลที่ 1 มูลค่ารางวัลสูงถึง 1,000,000 บาท/หมวด รางวัลที่ 2 มูลค่า รางวัลละ 50,000 บาท จำนวน 4 รางวัล/หมวด รางวัลที่ 3 มูลค่ารางวัลละ 5,000 บาท จำนวน 20 รางวัล/หมวด รางวัลที่ 4 มูลค่ารางวัลละ 500 บาท จำนวน 20 รางวัล/หมวด คิดเป็นโอกาสในการถูกรางวัลสูงถึง 0.0045% พิเศษ!! สำหรับสลากออมทรัพย์ ธอส.ชุดเกล็ดดาว คือ เพิ่มรางวัลเลขท้าย และรางวัลใหม่ล่าสุดที่ไม่เคยมีในสลากออมทรัพย์ที่ไหนมาก่อน คือ รางวัลเลขสลับเลขท้าย ซึ่งจะทำให้โอกาสในการถูกรางวัลของผู้ออมเงินมีมากยิ่งขึ้น ประกอบด้วย รางวัลเลขท้าย 3 ตัว รางวัลละ 100 บาท รางวัลเลขสลับเลขท้าย 3 ตัว รางวัลละ 50 บาท รางวัลเลขท้าย 2 ตัว รางวัลละ 50 บาท และรางวัลเลขสลับเลขท้าย 2 ตัว รางวัลละ 20 บาท
“สลากออมทรัพย์ ธอส.ชุดเกล็ดดาวจะเริ่มออกรางวัลครั้งแรกวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 หากถูกรางวัลที่ 1 มูลค่า 1 ล้านบาท จะถือเป็นการได้รับผลตอบแทนสูงถึง 200 เท่าของจำนวนเงินฝาก กรณีฝากครบ 2 ปี รับเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยหน่วยละ 5,040 บาท หากซื้อจำนวน 100 หน่วย จะทำให้ผู้ซื้อมีโอกาส ถูกรางวัลเลขท้ายทุกเดือน และแม้จะเคยถูกรางวัลแล้วก็ยังมีโอกาสถูกซ้ำได้อีกทุกเดือน ซึ่งดอกเบี้ยและเงินรางวัลที่ได้รับจากสลากออมทรัพย์ ธอส. ยังได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกด้วย ซึ่ง ธอส. จะนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายสลากชุดเกล็ดดาว ธอส.ไปจัดทำเป็นผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้าน Two Gen อัตราดอกเบี้ยต่ำ และผ่อนรายเดือนน้อย ซึ่งจะมีการเปิดตัวเร็วๆ นี้ต่อไป” นายฉัตรชัย กล่าว
สำหรับการซื้อสลากออมทรัพย์ทำได้ 2 ช่องทาง คือ Application : GHB ALL หรือที่ทำการสาขา โดยมีขั้นตอนดังนี้ กรณีซื้อสลากผ่าน Application GHB ALL : ผู้ที่ยังไม่เคยซื้อสลากและยังไม่ได้สมัคร GHB ALL ต้องทำการเปิดบัญชีสลากออมทรัพย์และบัญชีเงินฝากออมทรัพย์สำหรับเป็นบัญชีคู่โอน และลงทะเบียนสมัครใช้ GHB ALL ที่สาขาของธนาคารก่อน หลังจากนั้น สามารถโอนเงินจากบัญชีใดก็ได้เข้าบัญชีออมทรัพย์ที่ผูกกับ GHB ALL เพื่อทำการซื้อสลากใน GHB ALL ผ่านเมนูสลากออมทรัพย์ ธอส. โดยสามารถซื้อสลากตามจำนวนที่ต้องการได้ด้วยตนเอง และเมื่อซื้อสลากสำเร็จแล้ว สามารถเรียกดูใบสลากและรายละเอียดสลากที่ซื้อได้โดยไม่ต้องเดินทางไปสาขา กรณีซื้อสลาก ณ ที่ทำการสาขา : สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยซื้อสลากออมทรัพย์ ธอส. ต้องทำการเปิดบัญชีสลากออมทรัพย์ และเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์สำหรับเป็นบัญชีคู่โอนพร้อมทำการซื้อสลากตามจำนวนที่ต้องการ โดยสามารถรับใบสลากได้ทันทีที่สาขา (หากมีบัญชีสลากและบัญชีเงินฝากออมทรัพย์อยู่แล้วไม่ต้องเปิดบัญชีใหม่) ทั้งนี้ ธนาคารได้มอบหมายให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการออกรางวัลสลากออมทรัพย์ชุดเกล็ดดาว ด้วยขั้นตอนและกระบวนการตามมาตรฐานสากล ISO 9001:2015 เช่นเดียวกับสลากออมทรัพย์ชุดอื่นๆ ของธนาคาร
นายฉัตรชัย ยังกล่าวถึงผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 ว่า ธอส. ยังคงมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยปล่อยสินเชื่อใหม่ได้จำนวน 155,980 ล้านบาท 96,634 บัญชี เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.90% ทำให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2563 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2562 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวม 1,283,986 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.18% สินทรัพย์รวม 1,350,514 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.51% เงินฝากรวม 1,109,028 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.60% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 49,484 ล้านบาท คิดเป็น 3.85% ของยอดสินเชื่อรวม ลดลงจากสิ้นปี 2562 ที่มี NPL อยู่ที่ 4.09% มีกำไรสุทธิจำนวน 8,415 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 18.45% และอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งโดยอยู่ที่ 15.09% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด นอกจากนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 ธนาคารยังได้ตั้งสำรองส่วนเกินแล้วจำนวน 5,552 ล้านบาท เพื่อรองรับการเลื่อนชั้นหนี้และรองรับดอกเบี้ยที่รับรู้ตามเกณฑ์คงค้างทั้งตามเกณฑ์ปกติและลูกหนี้ ตามมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้ง 10 มาตรการ ที่มีลูกค้าเข้ามาตรการ 423,380 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 369,453 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มสิ้นสุดระยะเวลาความช่วยเหลือของมาตรการ ระยะที่ 1 ในวันที่ 31 ตุลาคม 2563 และสิ้นสุดความช่วยเหลือระยะที่ 2 ในวันที่ 31 มกราคม 2564 ไว้แล้ว สอบถามรายละเอียดหรือติดตามข้อมูลข่าวสารของธนาคารเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร.0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ www.ghbank.co.th