“ไซมิส แอสเสท” เตรียมออกหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ มีหลักประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 1 ปี 5 เดือน 24 วัน ครบกำหนดไถ่ถอนปี 65 วงเงินไม่เกิน 600 ล้านบาท เล็งเปิดจองซื้อ 9, 12 และ 14 ต.ค. ให้กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่และนักลงทุนสถาบัน ชูอัตราดอกเบี้ยคงที่ 6.75% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอทเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA กล่าวว่า เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2563 ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ มีหลักประกันและมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 8 เม.ย.65 อายุ 1 ปี 5 เดือน 24 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 6.75% ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ เริ่มจ่ายดอกเบี้ยงวดแรก 15 ม.ค.64
“หุ้นกู้ดังกล่าวคาดว่าจะเสนอขายในวันที่ 9, 12 และ 14 ต.ค.63 ให้แก่นักลงทุนรายใหญ่และนักลงทุนสถาบัน จำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 600 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนไม่เกิน 600,000 หน่วย ที่ราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท โดยแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ พร้อมแต่งตั้งธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้ ซึ่งหุ้นกู้จำนวนดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรตติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 14 ก.ค.63 ที่ระดับ BB+ ”
สำหรับเงินที่ได้จาการออกหุ้นกู้ดังกล่าว บริษัทจะนำเงินไปชำระคืนตั๋วแลกเงิน จำนวน 100 ล้านบาท และชำระคืนหุ้นกู้ 2 รุ่น มูลค่ารวม 200 ล้านบาท ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนต.ค.63 และ/หรือ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและบริหารสภาพคล่อง และ/หรือ เพื่อใช้ลงทุนในโครงการใหม่ของบริษัทฯ ในอนาคต
นายขจรศิษฐ์ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานบริษัท ณ สิ้นเดือน มี.ค.63 มียอดขายโครงการคอนโดมิเนียมที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) โครงการ 10,300 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ 3,900 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้ในปีถัดไป และในขณะเดียวกัน มีสัดส่วนรายได้หลักจากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายกรรมสิทธิ์กว่า 90% โดยมีโครงการอสังหาริมทรัพย์อยู่ระหว่างเปิดขาย (ณ ไตรมาสที่ 2 ปี 63) รวมทั้งสิ้น 13 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 40,000 ล้านบาท
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในปี 63 ยังเน้นขยายไลน์การพัฒนาโครงการอสังหาฯ ที่หลากหลายยิ่งขึ้น และมุ่งเป็น Living’s Value Creator หรือผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างฉับไว สร้างคุณค่าในทุกประสบการณ์ของการอยู่อาศัยและการลงทุน โดยการเพิ่มธุรกิจด้านอาหาร (F&B) ด้านบริการพื้นที่ให้เช่า เช่น Cloud Kitchen ธุรกิจด้านบริการการเช่าได้แก่ Serviced Residence ซึ่งจะเพิ่มความมั่นคงแก่รายได้ยิ่งขึ้น และการเพิ่มมูลค่า Asset ของลูกค้าด้วยการปรับปรุงบริการหลังการขายจากคอนโดปกติเป็น Branded Residence เพื่อเสริมศักยภาพ และเพิ่มความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินในอนาคต