"เฮเฟเล่ ประเทศไทย" มองจังหวะตลาดครึ่งปีหลังฟื้นตัว หลังปรับแผนธุรกิจช่วงเกิดโรคระบาดโควิด-19 หันเจาะกลุ่มลูกค้ารีเทล โมเดิร์นเทรด เพิ่มสัดส่วนกลุ่ม B2Cมากขึ้น พร้อมนำเสนอสินค้ารับโครงการมิกซ์ยูสที่จะกลับมาช่วงปลายปี 64 ทุ่มจัดงาน "HAFELE Big Clearance Sale 2020" ต้นเดือนต.ค.นี้ ลดสูงสุด 70% ผ่อน0% นาน 3-6 เดือน
นางสาวเสาวนีย์ เสริมศุภกรวงศ์ ผู้จัดการขายทั่วไป บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด เผยถึงภาพรวมของบริษัทฯ ว่า ประเทศไทยเป็นสาขาหนึ่งจากเฮเฟเล่ทั่วโลก ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากโรคโควิด-19 ส่งผลให้โชว์รูมและร้านค้าตัวแทนจำหน่ายในห้างหลายๆ แห่ง ต้องปิดตัวลงชั่วคราว ประกอบกับสถานการณ์ในตลาดอสังหาฯ ภาคธุรกิจ B2B ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของบริษัทฯ ทั้งอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ นักออกแบบ ผู้รับเหมา และโครงการบางแห่ง โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล มีการหยุดชะงัก ส่งผลให้รายได้ในช่วงครึ่งปีแรก ลดลงอย่างมาก สินค้าที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ กลุ่มอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ รองลงมาคือกลุ่มอุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ โดยเฉพาะในเดือนมิถุนายน ที่กลุ่มเฮเฟเล่ทั่วโลก มีรายได้รวม 639 ล้านยูโร ลดลงจากปีที่ผ่านมา 12.6% ทว่าตัวเลขนี้ ก็มากพอจะช่วยให้บริษัทประ คองตัวอยู่ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีนโยบายเลิกจ้างหรือลดจำนวนพนักงาน
ขณะที่ยอดขายผ่านออนไลน์เติบโต 100% และเมื่อสถานการณ์ต่างๆเริ่มกลับมาเป็นปกติ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โชว์รูมและร้านตัวแทนจำหน่ายกลับมาเปิดบริการตามเดิม เฮเฟเล่กลับมามียอดขายที่ฟื้นตัวอีกครั้ง รวมถึงตลาดค้าปลีกที่มีตัวเลขที่ดีเช่นกัน
สำหรับกลุ่มโปรเจกต์อสังหาริมทรัพย์ ก็มีปัจจัยมากระตุ้นตลาดให้เดินหน้าและเกิดการแข่งขันอีกครั้ง แม้ว่าตัวเลขยอดขายจะตกลงประมาณ 10-15 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขายจากกลุ่มโครงการทั้งปี 1,600 ล้านบาท เนื่องจากในปี 62 ผู้ประกอบการมีการลงทุนเปิดโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ โดยการส่งมอบสินค้าในปีนี้ต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกของปี 64 จะเป็นยอดคำสั่งซื้อสินค้า(แบ็กล็อก)ในปีที่ผ่านมา ซึ่งสินค้าของบริษัทจะตอบโจทย์กลุ่มโครงการคอนโดมิเนียมตั้งแต่ระดับตั้งแต่ 80,000 บาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.)ไปจนถึง 4-5 แสนบาทต่อตร.ม.
"ช่วงที่เกิดโควิด-19 เฮเฟเล่ฯ ต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงานใหม่ โดยให้พนักงาน PC ห้างสรรพสินค้าทำงาน Work From Home แทน และอีกส่วนก็เข้ารับการฝึกอบรมให้ความรู้ทางเทคนิค ทั้งเรื่องสินค้าใหม่ๆ และยกระดับการให้บริการ เพื่อเตรียมความพร้อมเดินหน้าต่อหลังธุรกิจเริ่มฟื้นตัวในทันที โดยในช่วงที่เหลือของปี 63 จะกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค ผ่านการเจาะตลาดกลุ่มรีเทล กลุ่มโมเดิร์นเทรด ตลาดปรับปรุงซ่อมแซมบ้านมีความต้องการสูงตั้งแต่ช่วงโควิด-19 รวมถึงเน้นขยายตลาดผ่านออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากบริษัทฯประเมินว่า ผลจากการชะลอตัวโครงการอสังหาฯ โดยเฉพาะในกลุ่มคอนโดฯที่ลดการเปิดตัวโครงการ จะมีผลให้ยอดขายกลุ่มโปรเจกต์ลดลงและไปพลิกฟื้นตัวในช่วงต้นไตรมาส4 ปี 64 ประกอบกับทางเฮเฟเล่ฯ จะนำเสนอสินค้าทุกผลิตภัณฑ์พร้อมบริการที่ครบวงจรไปสู่โครงการมิกซ์ยูสมากขึ้น เนื่องจากจะเห็นโครงการขนาดใหญ่กลับมาอีกครั้ง"
ปัจจุบัน โครงสร้างยอดขายจะมาจากกลุ่มงานบ้านประมาณ 40% คอนโดมิเนียม 30% โรงแรม 20 % เนื่องจากยังมีโรงแรมทางภาคใต้และพัทยาที่กำลังปรับปรุงต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา และอาคารสำนักงาน 10%
อย่างไรก็ตาม แม้กลุ่มลูกค้าหลักของเฮเฟเล่ ในภาคธุรกิจ B2B จะยังไม่ฟื้นตัวกลับมาเต็มที่ แต่ส่วนของลูกค้ารายย่อย B2C กลับมีสถานการณ์ที่ดีกว่าชัดเจน เฮเฟเล่ฯ จึงเริ่มเดินแผนงานตลาดครึ่งปีหลัง ด้วยการเปิดให้ลูกค้าได้เข้าชมโชว์รูมเฮเฟเล่แบบปรับปรุงใหม่ ด้วยการใช้งบกว่า 40 ล้านบาท สร้างสรรค์พื้นที่ไอเดียตกแต่งบ้านและอาคารอย่างครบวงจร ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนของลูกค้า B2C ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 35 % ในปีนี้ เป็น 40% ในปีหน้า และ B2Bจะลดลงมาเหลือ 35% และอื่นๆอีก 10กว่า%
ล่าสุดบริษัทเตรียมจัดงาน “HAFELE Big Clearance Sale 2020” ซึ่งเป็นการจัดงานมหกรรมลดสินราคาสินค้าคุณภาพจากประเทศเยอรมนี ด้วยการคืนกำไรให้ลูกค้าลดสูงสุด 70% รวมกว่า 25,000 รายการ โดยการจัดงานจะขึ้น ณ เฮเฟ่เล่ ดีไซน์ สตูดิโอ สุขุมวิท ซอย 64 ระหว่างวันที 1-3 ต.ค. นี้ มีการจัดโปรแกรมผ่อน 0% นาน 3-6 เดือน ซึ่งผู้ที่สนใจเข้าร่วมสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานล่วงหน้าได้ผ่านเว็บไซต์ www.hafelethailand.com ปัจจุบันมียอดจองผ่านออนไลน์เข้าชมงานที่กว่า 3,000 ราย วางเป้ายอดขายไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท.