“แสนสิริ”เผย 6 เดือนแรกยอดโอนรวมโตกระฉูด 161% หรือมียอดโอนรวม 28,200 ล้านบาท ส่งผลครึ่งปีแรกรายได้รวม 17,900 ล้านบาท แจ้งไตรมาส 2/63 รายได้รวม 11,300 ล้านบาท โต 163% เผยรายได้จากการขายเติบโตขึ้นจากยอดโอนทุบนิวไฮที่ 10,300 ล้านบาท เติบโตขึ้น 312% จากรอบเดียวกันของปีก่อน ขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 2 อยู่ที่ 260 ล้านบาท และกำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรก 320 ล้านบาท ครึ่งปีหลังจ่อคิวบุ๊กโอนอีก 5 คอนโดฯ ใหม่ มูลค่ารวม 16,200 ล้านบาท มั่นใจดันรายได้ครึ่งปีหลังต่อเนื่อง
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/63 มีรายได้รวม 11,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 163% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,300 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 71% จากไตรมาสก่อนที่มีรายได้รวม 6,600 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกปี 63บริษัทมีรายได้รวม 17,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ขณะที่รายได้จากการขายในช่วงไตรมาส 2 เติบโตกว่า 312% โดยมีรายได้รวม 10,300 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,500 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 91% จากไตรมาสก่อนที่มีรายได้จากการขาย 5,400 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 6,300 ล้านบาท และรายได้จากคอนโดมิเนียม 4,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 61 : 39 ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้จากการขาย 15,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 112% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 9,400 ล้านบาท และรายได้จากคอนโดมิเนียม 6,300 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 60 : 40 นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำไรสุทธิ 320 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นกำไรสุทธิในไตรมาส 2 อยู่ที่ 260 ล้านบาท
“บริษัทมีผลงานการโอนที่โดดเด่นในครึ่งปีแรก โดยล่าสุด บริษัทมียอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบให้แก่ลูกค้าไปแล้วถึง 28,200 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนเฉพาะไตรมาสที่ 2 สูงถึง 25,200 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ ทั้งในรอบครึ่งปีและรายไตรมาสตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เป็นผลมาจากการส่งมอบโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมที่มากขึ้น ในสัดส่วน 40 : 60 นอกจากนี้ บริษัทยังมียอดขายรอโอน (Backlog) (รวมโครงการร่วมทุนในคอนโดมิเนียม) มูลค่ารวมประมาณ 54,100 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายรอโอนจากโครงการภายใต้การพัฒนาของแสนสิริ 40,000 ล้านบาท และยอดขายรอโอนจากโครงการภายใต้การร่วมทุนอีก 14,000 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566 ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้แสนสิริเป็นอย่างดีและเสริมความแข็งแกร่งในทุกสภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งรองรับการสร้างผลงานการโอนให้เป็นไปตามเป้าหมายในปีนี้ 42,000 ล้านบาท” นายวันจักร์ กล่าว
สำหรับยอดขายในช่วง 7 เดือนของปี 63 บริษัทมียอดขายรวมแล้วกว่า 25,000 ล้านบาท คิดเป็น 70% จากเป้าหมายยอดขายทั้งปี 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบถึง 16,200 ล้านบาท เติบโต 110% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 85% ของเป้าหมายยอดขายแนวราบทั้งปีที่ตั้งไว้ 19,000 ล้านบาท เป็นผลจากการพัฒนาโครงการภายใต้แนวคิด Sansiri Housing Evolution ที่สามารถตอบรับความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกบ้านได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังส่งผลให้สามารถปิดการขายโครงการแนวราบไปได้ถึง 13 โครงการ รวมทั้งยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมอีกจำนวน 8,800 ล้านบาท
“กุญแจสำคัญซึ่งจะผลักดันสู่ผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องในครึ่งปีหลังคือการบริหารเงินสดในมือที่ดี ที่ส่งผลให้แสนสิริ เป็นองค์กรที่มีสภาพคล่องสูง มีกระแสเงินสดที่มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ โดยล่าสุดแสนสิริ มีสภาพคล่องในมือรวม 12,000 ล้านบาท สำหรับปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันแสนสิริ ให้บรรลุเป้าหมายการโอน สู่การสร้างรายได้ที่ดีต่อเนื่องในปีนี้มาจากแผนการโอนคอนโดสร้างเสร็จอีก 5 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 16,200 ล้านบาท ได้แก่ เดอะ เบส สะพานใหม่ เริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการวันที่ 21-23 ส.ค. โอกะ เฮาส์ เริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการวันที่ 18-20 ก.ย. XT เอกมัย เริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการวันที่ 2-4 ต.ค. ลา ฮาบานา หัวหิน เริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการวันที่ 16-18 ต.ค. และดีคอนโด ธาร จรัญฯ เริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการวันที่ 30 ต.ค.-1 พ.ย.63”
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ จากยอดขายโครงการแนวราบที่ดีในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทจึงมีแผนโฟกัสโครงการแนวราบต่อเนื่อง โดยการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงไตรมาสที่ 4 อีกจำนวน 10 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 11,700 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด Sansiri Housing Evaluation ซึ่งเป็นแกนหลักในการพัฒนาโครงการ แบ่งการพัฒนาเป็นการเปิดตัวบ้านเดี่ยว จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,500 ล้านบาท บ้านและทาวน์โฮมภายใต้แบรนด์ อณาสิริ 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,200 ล้านบาท และทาวน์โฮมแบรนด์ สิริ เพลส 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท รวมทั้งบริษัทยังมีแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ ภายใต้แบรนด์ เดอะ เบส ในชื่อและทำเล “เดอะ เบส อีส-บางแค” มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ในวันที่ 26-27 ก.ย.นี้