xs
xsm
sm
md
lg

ไมเนอร์ เผยงบบัญชีไตรมาส 2/63 แม้ขาดทุนจาก COVID-19 หวังฟื้นตัวใน Q4

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 นายดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT
"ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล" เผยผลประกอบการไตรมาส 2/63 ชี้ผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้แม้ว่าจะลดลงจากผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 แต่ยังมีโอกาสฟื้นกลับมา ตั้งเป้าจะกลับมาเปิดให้บริการโรงแรมและร้านอาหารทั้งหมดภายในไตรมาส 4/63 และจะผลักดันยอดขายเชิงรุก ขณะที่การเปิดตัว “Cloud Kitchens” ในช่วงโควิด-19 ระบาด ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สำคัญของธุรกิจไมเนอร์ ฟู้ด

นายดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT กล่าวว่า จากการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้เกิดผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจมากที่สุดในช่วงไตรมาส 2 /2563 จากการออกมาตรการการปิดประเทศอย่างเข้มงวด ทำให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิจำนวนกว่า 8.4 พันล้านบาทในไตรมาส 2/63 เทียบกับกำไรสุทธิจำนวน 1.8 พันล้านบาทในไตรมาส2/62

อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานบนพื้นฐานการรายงานเดียวกันกับปีที่แล้ว บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงาน ซึ่งไม่นับรวมผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรฐานการบัญชี TFRS16 จำนวน 6.9 พันล้านบาทในไตรมาส 2/63 เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิจากการดำเนินงานที่เป็นบวก จำนวน 2.1 พันล้านบาทในไตรมาส 2 /62 โดยการลดลงดังกล่าวเป็นผลโดยตรงมาจากการดำเนินธุรกิจอย่างจำกัดของทั้ง 3 ธุรกิจของ MINT (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนเมษายนและพฤษภาคม) เนื่องจากต้องปิดโรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้าไลฟ์สไตล์ส่วนใหญ่ทั่วโลกเป็นการชั่วคราว และในเดือนเมษายนและพฤษภาคม รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนของกลุ่มโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของเอง และเช่าบริหารลดลงร้อยละ 99 และปรับตัวดีขึ้นเป็นลดลงร้อยละ 89 ในเดือนมิถุนายน เนื่องจากโรงแรมเริ่มกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งเพื่อที่จะปรับตัวกับการปิดให้บริการธุรกิจเหล่านี้

ขณะเดียวกัน จากผลกระทบดังกล่าวที่เกิดขึ้น บริษัทได้ออกมาตรการการควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทฯ สามารถลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าร้อยละ 50 ในไตรมาส 2/63 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/62 ส่งผลให้ผลการดำเนินงานสะท้อนกลับมาในทิศทางที่ดีขึ้นในแต่ละเดือน จากผลขาดทุนจากการดำเนินงาน ซึ่งนับรวมผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรฐานการบัญชี TFRS16 จำนวน 2.8 พันล้านบาทในเดือนเมษายน เป็น 2.4 พันล้านบาทในเดือนพฤษภาคม และ 2.0 พันล้านบาทในเดือนมิถุนายน

“ไตรมาส 2 เป็นไตรมาสที่ท้าทายที่สุด ไม่เพียงแต่สำหรับเราเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ประกอบการรายอื่นๆ ในภาคการบริการและการท่องเที่ยวทั่วโลก เรามีความผิดหวังกับผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 นี้ แต่บริษัทได้มีการดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อลดผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน โดยบริษัทฯ มีการดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานในช่วงเวลาที่บีบคั้นและท้าทายนี้ ในขณะเดียวกัน บริษัทได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ฐานะทางการเงินและรักษากระแสเงินสด โดยบริษัทเชื่อว่าเราได้ผ่านช่วงที่เลวร้ายที่สุดมาแล้ว และเมื่อสถาการณ์ของโลกดีขึ้น ซึ่งเรามีความมุ่งมั่นที่จะกลับมาสร้างการเติบโตของธุรกิจ และกลับมาสร้างผลตอบแทนเชิงบวกให้แก่ผู้ถือหุ้นอีกครั้ง อีกทั้งบริษัทขอขอบคุณผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและพนักงานทุกคนที่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่มาโดยตลอดในช่วงเวลาที่สำคัญนี้”

สำหรับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานก่อนผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรฐานการบัญชี TFRS16 จำนวน 9.7 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ จำนวน 2.7 พันล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 อยย่างไรก็ดี ในไตรมาส 3/63 บริษัทประเมินว่าภาพรวมธุรกิจจะสามารถกลับมาเปิดให้บริการธุรกิจในเครืออีกครั้ง เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ปรับตัวดีขึ้นและประเทศต่างๆ เริ่มผ่อนคลายมาตรการการปิดประเทศลง

ขณะที่แผนกลยุทธ์ในครึ่งปีหลังนั้น จะเน้นการบริหารจัดการสภาพคล่องและฐานะทางการเงินในเวลาที่เหมาะสม เป็นบทพิสูจน์ของแผนการที่มีประสิทธิภาพของบริษัทฯ ในช่วงเวลาที่ท้าทาย ในไตรมาส 2/63 บริษัทฯ จะยังคงให้ความสำคัญต่อการรักษากระแสเงินสดและสภาพคล่อง ด้วยการดำเนินมาตรการการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ และการควบคุมค่าใช้จ่ายในการลงทุน ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม บริษัทฯ มีเงินสดในมือประมาณ 36 พันล้านบาท และวงเงินสินเชื่อ จำนวน 26 พันล้านบาท ซึ่งรวมกันแล้วจะเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคต

นอกจากนี้ ความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ที่มีลักษณะคล้ายทุน จำนวน 300 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 2/63 ช่วยให้ส่วนของผู้ถือหุ้นมีความแข็งแกร่งขึ้นถึงแม้ว่าบริษัทฯ จะมีผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานในช่วงไตรมาสดังกล่าว ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 1.61 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 1/63 เป็น 1.64 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 2/63 อีกทั้งเมื่อช่วงต้นไตรมาส 3/63 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนเกือบ 1 หมื่นล้านบาท รวมถึงได้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีจำนวนผู้ใช้สิทธิในครั้งนี้เป็นจำนวนมากส่งผลให้บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มอีก จำนวน 5 พันล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า ดังนั้น ทำให้มั่นใจได้ว่าแผนการระดมทุนแบบเบ็ดเสร็จดังกล่าวจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากสภาวะตลาดที่ท้าทายต่อไปในอนาคต

"ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม เมื่อหลายประเทศเริ่มเปิดพรมแดน ด้วยมาตรการการปิดประเทศที่ผ่อนคลายลง และเริ่มกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ บริษัทฯ ได้กลับมาดำเนินธุรกิจทั่วโลก ณ ปัจจุบัน มากกว่าร้อยละ 70 ของโรงแรมทั้งหมดทั่วโลก และมากกว่าร้อยละ 90 ของร้านอาหารทั้งหมดได้กลับมาเปิดให้บริการ และมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในแต่ละสัปดาห์ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะกลับมาเปิดให้บริการโรงแรมและร้านอาหารทั้งหมดภายในไตรมาส 4/63 และจะผลักดันยอดขายเชิงรุก ในขณะที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการผลักดันลยุทธ์เฉพาะหน้าของไมเนอร์ โฮเทลส์ ด้วยการมุ่งเน้นไปที่การท่องเที่ยวภายในประเทศที่แข็งแกร่งในช่วงที่มีการปิดพรมแดนระหว่างประเทศ ตามด้วยการเพิ่มจำนวนแขกเข้าพักจากนักท่องเที่ยวภายในภูมิภาคเมื่อประเทศต่างๆ เริ่มเปิดประเทศ และขยายตัวไปยังนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่ ไมเนอร์ ฟู้ดจะยังคงใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มดิจิทัลและแพลตฟอร์มบริการจัดส่งอาหารเพื่อผลักดันยอดขาย โดยต่อยอดจากแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของยอดขายผ่านทางแพลตฟอร์มดังกล่าวในช่วงการปิดประเทศจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในขณะที่ยกระดับประสบการณ์การรับประทานอาหารภายในร้านอาหารของลูกค้าและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การเปิดตัว “Cloud Kitchens” ในช่วงไตรมาสดังกล่าวนับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สำคัญของไมเนอร์ ฟู้ดในการขยายพื้นที่การให้บริการของแบรนด์ต่างๆ ของบริษัท" นายดิลลิป กล่าวทิ้งท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น