บล.เอเชีย เวลท์ มองภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทยเดือนสิงหาคมยังมีความผันผวน และมี Downside อาจหลุด 1,300 จุด จากความไม่แน่นอนของภาพรวมเศรษฐกิจไทย
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย เวลท์ เปิดเผยถึงมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเดือนสิงหาคมว่า ภาพรวมการลงทุนในเดือน ส.ค. ประเมินว่า SET Index ยังคงผันผวน และมี Downside แม้เราเชื่อว่าจุดต่ำสุดของ GDP ไทยจะอยู่ในช่วง 2Q63 แต่การฟื้นตัวยังคงถูกจำกัดจากความไม่แน่นอนของภาพรวมเศรษฐกิจไทย และสถานการณ์โควิด-19 ในต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่าสถิติทางด้านเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่เริ่มอ่อนแอลงอีกครั้ง จะเป็นปัจจัยหนุนให้สหรัฐฯ ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ จะยิ่งเป็นปัจจัยหนุนให้มีสภาพคล่องในตลาดหุ้นไทยและภูมิภาค รวมทั้งตลาด commodity โดย SET Index ในเดือน ส.ค. ประเมิน Down-side ไว้ที่ 1,212 จุด (15.2xFwdPER/EPS Bt80) และ Upside อยู่ที่ 1,364 จุด (17.1xFwdPER/EPS Bt80)
กลยุทธ์การลงทุนเรายังคงเน้นหุ้นในกลุ่ม Domestic Play และ Defensive Stock อย่าง CPALL CRC HMPRO BJC OSP CBG TTW EASTW BCPG CKP GPSC KKP DIF INTUCH และ EGCO รวมไปถึงหุ้นในกลุ่มที่ถูกคาดหมายผลประกอบการ 2Q63 แข็งแกร่งได้แก่ CPF TU OSP TASCO STA STGT COM7 PTG และ JMT ธปท. คาด GDP ช่วง 2Q63 มีโอกาสหดตัวมากกว่าช่วง 2Q41 ที่หดตัว 12.5%
นอกจากนี้ ในรายงานของ ธปท. ระบุว่า GDP ของไทยช่วง 2Q63 มีโอกาสหดตัวมากกว่า 2Q41 ที่หดตัว 12.5% เป็นผลมาจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ และกำลังซื้อของประเทศคู่ค้าที่อ่อนแอลง ทำให้เราคาดว่าประมาณการ GDP ของไทยในปี 2563 ที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ -8.1% ยังมีความไม่แน่นอน
อย่างไรก็ตาม ธปท. รายงานเศรษฐกิจ มิ.ย. เริ่มฟื้นตัวชัดเจนหลังคลายล็อกดาวน์ ทำให้สถิติทางด้านเศรษฐกิจในเดือน มิ.ย. หดตัวในอัตราที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะภาคการส่งออก การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนภาคเอกชน แต่การฟื้นตัวยังถูกจำกัดจากภาคท่องเที่ยวที่ยังหดตัวสูง การส่งออกไทยปี 2563 อาจหดตัวมากกว่าคาด
นอกจากนี้ มองว่าข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่าง EU กับเวียดนาม จะทำให้การส่งออกของไทยในปี 2563 หดตัวมากกว่าที่กระทรวงพาณิชย์ประเมินไว้ว่าจะหดตัว 8-9% รวมทั้งการฟื้นตัวหลังปี 2563 จะช้ากว่าที่คาด ข้อมูลจาก EU รายงานว่า ข้อตกลง FTA ระหว่าง EU กับเวียดนาม จะมีผล 1 ส.ค. ทั้งนี้ เวียดนามถือเป็นชาติที่ 2 ในอาเซียน ต่อจากสิงคโปร์ที่ข้อตกลง FTA กับ EU มีผลบังคับใช้ โดยปัจจุบันไทยถือเป็นผู้นำในตลาด EU สินค้าส่งออกสำคัญได้แก่ ผลไม้ ปศุสัตว์ ข้าวสาร ยางและผลิตภัณฑ์ยาง ขณะที่สินค้าส่งออกของเวียดนามไปยังตลาด EU ได้แก่ กลุ่มสินค้ารองเท้า เสื้อผ้า ผลไม้ เครื่องจักรกลและเครื่องใช้ไฟฟ้า
มุมมองทางเทคนิคคาดว่า SET สัปดาห์นี้ (3-7 ส.ค.) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,305-1,360 จุด โดยเราประเมินว่า SET Index วันนี้อยู่ที่ 1,321-1,345 จุด (มีแนวรับอยู่ที่ 1,321 1,312 และ 1,295 จุด และมีแนวต้านอยู่ที่ 1,337 1,345 และ 1,362 จุด) หุ้นแนะนำทางเทคนิควันนี้ ได้แก่ DOHOME PTG SPRC ORI และ HMPRO
โดย 1.ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เราเลือก CPALL CRC HMPRO BJC OSP CBG TTW และ MTC (มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะแรก) AOT AAV BA ERW และ MINT (มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว) CK BEM STEC SEAFCO PYLON และ TASCO (มาตรการเร่งเบิกจ่ายงบภาครัฐ) 2.หุ้นที่ได้ประโยชน์ตามฤดูกาล BCPG BGRIM CKP GPSC และ EASTW 3.Dividend Play - KKP TISCO QH LH ORI NOBLE DIF INTUCH HANA EASTW TTW EGCO และ RATCH 4.หุ้นสะสมระยะยาว (DCA) ADVANC AOT BDMS BEM CPALL DIF และ HMPRO