WeWork ชี้ดีมานด์ใช้พื้นที่โคเวิร์กกิ้งสเปซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไทยเติบโตต่อเนื่อง ยอดสมาชิกในไทยเพิ่ม 10 เท่า เผยเทรนด์ความต้องการโคเวิร์กกิ้งสเปซ เปลี่ยนไปยุคนิว นอร์มอล องค์กรต้องการความยืดหยุ่นและคล่องตัวทางธุรกิจมากขึ้น ขณะที่องค์กรขนาดใหญ่ให้ความสนใจเพิ่มขึ้น
นายเรย์ แทน หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี WeWork กล่าวว่า ธุรกิจโคเวิร์กกิ้งสเปซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากดีมานด์ที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับผลที่ WeWork ทำการศึกษาร่วมกับ IDC (ข้อมูล IDC Info Brief : Co-Working for Enterprise - A Southeast Asian Perspective, February 2020) พบว่า ปัจจุบันมีองค์กรที่ใช้พื้นที่ทำงานร่วมกัน (shared workspaces) คิดเป็นสัดส่วน 17% และอีก 70% กำลังวางแผนที่จะใช้พื้นที่ทำงานร่วมกันในอีก 1-3 ปีข้างหน้า แม้จะผ่านสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนต่างๆ หรือในภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำ
อย่างไรก็ตาม พบว่าความต้องการของพื้นที่ทำงานยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะการที่องค์กรเริ่มให้ความสำคัญต่อการสร้างความร่วมมือ (Collaboration) และความเป็นชุมชน (Community) มากขึ้น องค์กรใหญ่ต่างๆ เริ่มให้ความสนใจโคเวิร์กกิ้งสเปซ ในฐานะพันธมิตรที่สามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวก ด้วยทำเลใจกลางเมือง และบริษัทนานาชาติก็สามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายของ WeWork ในการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดต่างๆ ได้ ปัจจุบัน WeWork มีเครือข่ายสมาชิกกว่า 693,000 บริษัท ใน 149 เมืองในกว่า 38 ประเทศทั่วโลก
ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา WeWork เปิดพื้นที่ให้บริการในกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง โดยในประเทศไทยปัจจุบันมี 4 สาขา คือ อาคารเอเชีย เซ็นเตอร์ สาทร อาคารทีวัน ย่านทองหล่อ สปริงทาวเวอร์ พญาไท และเดอะ พาร์ค พระราม 4 โดยมุ่งเน้นความปลอดภัยและสุขอนามัยของสมาชิกและพนักงานเป็นหลัก นอกจากการปฏิบัติตามกฎและคำแนะนำของหน่วยงานรัฐบาล WeWork ยังเสริมมาตรการอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าพื้นที่ของ WeWork ปลอดภัยสำหรับทุกคน โดยให้ความสนใจในการเว้นระยะห่างและมาตรการด้านสุขอนามัยยังคงเป็นสิ่งสำคัญซึ่งจะทำให้การเข้าทำงานที่ออฟฟิศเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง
สัดส่วนของสมาชิก WeWork ที่เป็นกลุ่มลูกค้าระดับองค์กรขนาดใหญ่ มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และร้อยละ 50 ของบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกตั้งอยู่ที่ทวีปเอเชีย สำหรับประเทศไทยสมาชิกในส่วนของโคเวิร์กกิ้งสเปซรายย่อยเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่วนสมาชิกกลุ่มองค์กรระดับใหญ่เติบโตขึ้นร้อยละ 10 ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 (มีนาคม-กรกฎาคม 2563) และขณะที่ธุรกิจยังคงต้องเติบโตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางสภาวะที่ผันผวนนี้ หลากหลายองค์กรได้หันมาเลือกใช้พื้นที่ทำงานใช้ของ WeWork เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความคล่องตัวและประหยัดต้นทุน
ทั้งนี้ ปัจจุบันพบว่าทั้งบริษัทไทยและต่างชาติ ต่างให้ความสำคัญในเรื่องประสิทธิภาพในการดำเนินงานมากกว่าในอดีต โดยเฉพาะองค์กรที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และต้องมีการปรับขนาดองค์กร จึงต้องหาตัวเลือกอย่าง WeWork ที่สามารถให้ความยืดหยุ่นในเรื่องการเช่าพื้นที่ทำงาน แม้แต่บริษัทผู้ให้บริการด้านดิจิทัล ก็ยังหันมาใช้บริการ WeWork มากขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งตอบโจทย์ในการขยายขนาดองค์กรและการจัดการกับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยสมาชิกจะมองว่า WeWork เป็นพันธมิตรในการให้บริการพื้นที่ทำงานที่เหมาะสมกับทั้งเวลาและราคา ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้เสมอตามขนาดขององค์กรและความต้องการในการใช้พื้นที่
นอกเหนือจากเรื่องพื้นที่เวิร์กิ้งสเปซแล้ว WeWork มองเห็นเทรนด์ความต้องการที่เปลี่ยนไปของธุรกิจต่างๆ ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 3 เรื่อง ดังนี้ 1) องค์กรต่างต้องการความยืดหยุ่นและความคล่องตัวทางธุรกิจมากขึ้น 2) ความต่อเนื่องทางธุรกิจและการกระจายกำลังทรัพยากรบุคคล และ 3) องค์กรขนาดใหญ่ให้ความสนใจโคเวิร์กกิ้งสเปซมากขึ้น