xs
xsm
sm
md
lg

"เอสซีจี เซรามิกส์" ฝ่าโควิด-19 กำไร Q2 โต จัดทัพมุ่งธุรกิจติดตั้ง-ตกแต่ง-ต่อเติม

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แม้ว่าวิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้นตลอดไตรมาสที่ 2 จะทำให้ยอดขายลดลง ทั้งในประเทศและส่งออกต่างประเทศ แต่บริษัทฯมีกำไรเพิ่มขึ้น 95% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากสามารถบริหารจัดการช่องทางจัดจำหน่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายในการบริหารลงได้โดยปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานเป็นออนไลน์มากขึ้น ปรับตัวได้รวดเร็วตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกค้า ตลอดจนต้นทุนพลังงานที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จึงทำให้ผลประกอบการในไตรมาสนี้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้

นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์คอตโต้ (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และคัมพานา (CAMPANA) กล่าวถึงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คาดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะยังคงส่งผลต่อทั้งระบบเศรษฐกิจไปอีกระยะหนึ่ง โดยมีหลายปัจจัยที่ควรเฝ้าระวัง เช่น แนวโน้มตัวเลขผู้ติดเชื้อ ความชัดเจนของการผลิตวัคซีนป้องกัน และสภาพคล่องของระบบเศรษฐกิจ ในส่วนของตลาดกระเบื้องเซรามิกอาจจะได้รับผลกระทบจากภาคอสังหาริมทรัพย์และกำลังซื้อที่ลดลงของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

"เชื่อว่าหลังจากนี้ไปสถานการณ์ตลาดในประเทศจะค่อยๆ คลี่คลายลงตามลำดับ ตามที่ภาครัฐมีแนวทางและมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา คาดว่าจะมีส่วนช่วยให้ตลาดมีความต้องการใช้กระเบื้องเซรามิกและวัสดุก่อสร้างดีกว่าในไตรมาสก่อน โดยบริษัทฯ ได้มีการเตรียมความพร้อมในการวางแผนการผลิต เพื่อบริหารสต๊อกสินค้าให้สอดรับต่อความต้องการของตลาดและจับตาดูพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างใกล้ชิดด้วย ทั้งนี้ ยังต้องรอดูทิศทางของโควิด-19 หากไม่มีการระบาดระลอก 2 มั่นใจว่าจะเป็นไปตามแผนงานระยะฟื้นฟูตามที่บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายไว้"

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 (งบการเงินรวมก่อนสอบทาน) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,369 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15 แต่บริษัทฯ มีกำไรสำหรับงวด 41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 95% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2563 ถึงแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจากปัญหาโควิด-19 จะทำให้บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 4,892 ล้านบาท ลดลง 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่บริษัทฯ ยังสามารถทำกำไรสำหรับงวดได้ถึง 166 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 10% ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก


“บริษัทฯ มียอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศลดลงจากปีก่อน โดยเฉพาะในช่วงที่มีมาตรการล็อกดาวน์ซึ่งมีการปิดช่องทางจัดจำหน่ายหลัก คือ ร้านโมเดิร์นเทรดทุกแห่ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทฯ มีช่องทางจัดจำหน่ายที่หลากหลาย และมีการบริหารจัดการช่องทางจัดจำหน่ายแต่ละรูปแบบอย่างมีประสิทธิภาพจึงทำให้ได้รับผลกระทบบ้างแต่ไม่มากจนเกินไป เนื่องจากผู้บริโภคยังสามารถเข้าถึงสินค้าของบริษัทฯ ได้จากหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นร้านผู้แทนจำหน่าย คลังเซรามิค และช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ เรายังได้ร่วมมือกับร้านโมเดิร์นเทรดเพื่อช่วยกระตุ้นการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ด้วยในช่วงที่หน้าร้านปิดทำการ ทำให้ยอดขายผ่านทางช่องทางนี้โดยรวมโตขึ้นถึง 300% ด้านคลังเซรามิคมียอดขายสูงกว่าเป้าหมายทุกเดือน ในขณะที่ร้านผู้แทนจำหน่ายส่วนใหญ่ยังมียอดขายทรงตัว”

ในส่วนของการส่งออกไปยังตลาด CLM อเมริกา ยุโรป และโอเชียเนีย ได้รับผลกระทบแตกต่างกันไป ตามสถานการณ์ความรุนแรงของการระบาดของโควิด-19 ในแต่ละพื้นที่ โดยตลาดหลักส่งจะอยู่ใน CLM โดยไตรมาส 2 ตัวเลขการส่งอออกลดลง 20% และหากเป็นตัวเลขครึ่งแรกของปี 63 ลดลง 19% อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถดำเนินการผลิตและขนส่งสินค้าอย่างต่อเนื่องไม่หยุดชะงัก จึงทำให้ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก และขณะนี้ตลาดส่งออกเริ่มดีขึ้นบ้างในกลุ่มประเทศที่กำลังฟื้นตัวโดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLM

สำหรับแผนงานของบริษัทฯ ภายหลังจากนี้ นายนำพล เปิดเผยว่า ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้นและมีความตระหนักถึงเรื่องความสะอาดและความปลอดภัยภายในบ้านเพิ่มขึ้น เป็นโอกาสดีของบริษัทฯ ที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ในกลุ่ม Health and Clean เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการปรับแต่งพื้นที่อยู่อาศัยให้เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี ปลอดภัย สะอาดไร้กังวลและสร้างความอุ่นใจในการอยู่อาศัย โดยในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เร่งออกสินค้าเพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่มนี้ เช่น กระเบื้อง Hygienic Tile หรือกระเบื้องยับยั้งแบคทีเรีย จาก COTTO ที่ใช้เทคนิคในการผสมสารซิลเวอร์นาโนในเนื้อกระเบื้อง ทำให้สามารถยับยั้งการเกิดเชื้อแบคทีเรียได้ตลอดอายุการใช้งานซึ่งแตกต่างจากการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่ออกฤทธิ์ขณะใช้งานและจะหมดประสิทธิภาพลงอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ขยายพอร์ตสินค้าเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคนี้ที่ให้ความสำคัญไม่เพียงแต่ความสะอาด แต่ยังต้องคำนึงถึงความสะดวก ปลอดภัย และสวยงามอีกด้วย บริษัทฯ จึงมุ่งเน้นพัฒนาออกสินค้าและบริการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า เช่น แผ่นปูพื้น LT แบบ Smart Flexible by COTTO ซึ่งเป็นวัสดุปูพื้นที่มีดีไซน์สวยงาม ติดตั้งง่าย รวดเร็ว และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และล่าสุด กระเบื้องรุ่น 4D+ จาก CAMPANA และ SOSUCO ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการกันลื่นเพื่อความปลอดภัยได้ดียิ่งขึ้น โดยยังคงให้ผิวสัมผัสที่่นุ่มละมุนสบายแตกต่างจากเดิม ที่สำคัญ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ ต้องการปรับปรุงที่พักอาศัย (รีโนเวต) บริษัทฯ ได้มีการขยายธุรกิจให้บริการติดตั้ง ภายใต้ชื่อ C’TIS (Certified Tile Installation Service) เพื่อให้บริการสร้างซ่อม ตกแต่ง ต่อเติม ติดตั้งกระเบื้องและวัสดุกรุผิว ด้วยทีมช่างมืออาชีพที่ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน

"เราเริ่มต้นจากธุรกิจติดตั้งกระเบื้องเมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าหลากหลาย ทั้งกลุ่มที่ต้องการปรับปรุงบ้านที่อยู่อาศัย หน่วยงานราชการ โรงพยาบาล จากนี้จึงคาดว่าจะต่อยอดเป็นธุรกิจสร้างซ่อม ตกแต่ง ต่อเติม ติดตั้งวัสดุกรุผิวที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นนอกเหนือจากกระเบื้องเซรามิก ไม่ว่าจะเป็นอะลูมิเนียมคอมโพสิตสำหรับอาคารสูงและอาคารทั่วไป หรือวัสดุกลุ่ม Resilient Flooring ได้แก่ แผ่นปูพื้น LT แบบ Smart Flexible by COTTO เพื่อเจาะตลาดงานต่อเติมบ้านและอาคารขนาดเล็ก โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ บ้านในโครงการต่างๆ ที่ผ่านมาลูกค้าส่วนใหญ่นิยมใช้บริการของ C’TIS ในการต่อเติมโรงจอดรถ ปูกระเบื้องสระว่ายน้ำ ปูพื้นห้องคอนโดมิเนียม งานตกแต่งอาคารสถานที่ด้วยกระเบื้องขนาดใหญ่ ลูกค้าที่สนใจใช้บริการติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ทางเฟซบุ๊กเพจ C’TIS หรือ COTTO Life และร้านผู้แทนจำหน่ายในพื้นที่ต่างๆ ขณะนี้มีจุดให้บริการที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ระยอง และชลบุรี โดยมีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีก 30 จุดทั่วประเทศภายใน 2 ปีนี้"

ปัจจุบัน C’TIS มีทีมช่างประมาณ 100 คนที่ให้บริการด้านสร้าง ซ่อม ตกแต่ง ต่อเติม ติดตั้ง และยังคงเปิดรับสมัครทีมช่างจำนวนมากเข้ามาร่วมงาน โดยจะมีการอบรมให้ความรู้ตามมาตรฐานของ C’TIS พร้อมกับมอบหมายงานให้ทีมช่างอย่างสม่ำเสมอ
กำลังโหลดความคิดเห็น