"แพทโก้ กรุ๊ป" ชี้ภาวะดอกเบี้ยในระดับต่ำหนุนให้ผู้ซื้อมีกำลังมากขึ้น ต่างจากช่วงวิกฤตปี 2540 พร้อมเดินหน้าทั้งกลุ่มเปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่า 3,850 ล้านบาท มั่นใจยอดโอนอยู่ในกรอบที่วางไว้ 600 ล้านบาท รุกพัฒนาโครงการในเมือง เปิดแบรนด์ใหม่ THER (เธอ) ทาวน์โฮมระดับราคา 8.9-10.8 ล้านบาท เพียง 82 ยูนิต งัดกลยุทธ์เจาะนักลงทุน กันยูนิตทำการันตีผลตอบแทน ด้าน "เน็กซัส" วิเคราะห์ทำเลลาดพร้าวเติบโตต่อเนื่อง โปรดักต์ของราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท ซัปพลายถูกดูดซัปออกไปเกือบหมด จังหวะดีของการทำโครงการแบรนด์ THER
ดร.สืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานกรรมการบริหาร แพทโก้ กรุ๊ป และบริษัทวิจิตรา ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด บริษัทในเครือ เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 ว่า ข้อดีของตลาดตอนนี้ คือ อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยอยู่ในระดับต่ำที่สุดแล้วและคาดว่าจะอยู่ในระดับดังกล่าวไปอย่างน้อย 3-5 ปี ทำให้ผู้ขอสินเชื่อมีโอกาสได้รับวงเงินที่สูงกว่า เมื่อเทียบกับปี 2540 ที่ในภาวะตอนนั้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดถูกปรับขึ้นไปกว่า 10% โอกาสคนจะซื้อบ้านได้ต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่าแสนบาท
"ภาพรวมตลาดอาจจะไม่ดี แต่ในบางทำเล ก็ยังมีน้ำ (กำลังซื้อ) อยู่ ซึ่งโครงการของบริษัทที่วางโปรดักต์ไว้ก็อยู่ในพื้นที่เรียลดีมานด์ แต่ในภาวะที่เศรษฐกิจและปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้คาดว่ายอดขายครึ่งปีแรกทั้งกลุ่มลดลง 15 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้ เราต้องมาพิจารณาในเรื่องยอดโอนที่คาดว่าในปีนี้จะอยู่ในกรอบที่จะทำได้ 600 ล้านบาท เนื่องจากมีโครงการที่ปิดการขายได้แล้ว ได้แก่ บ้านมารวยโสธร 4 บ้านมารวยแหลมฉบัง และบ้านมารวยริเวอร์ไซต์เฟสแรก"
โดยในปีนี้ ทางแพทโก้ กรุ๊ป มีแผนที่จะลงทุนด้วยความระมัดระวังมากขึ้น โดยตั้งเป้าเปิดตัวโครงการใหม่ 6 โครงการใหม่ มูลค่าประมาณ 3,850 ล้านาท เป็นของบริษัทมารวย เรียลเอสเตท จำกัด 3 โครงการ มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท บริษัทแพทโก้ แพตตินัม จำกัด 2 โครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท และบริษัท วิจิตรา ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด 1 โครงการ มูลค่า 850 ล้านบาท ส่งผลให้แพทโก้ กรุ๊ปมีโครงการในมือรวมทั้งหมด 24 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท ครอบคลุมตลาดอสังหาฯ ทุกเซกเมนต์ เพื่อให้บริษัทขยายตัวโตอย่างต่อเนื่องบนฐานรากที่มั่นคง
ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบัน เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ EEC ยังมีการพัฒนาในระยะเริ่มต้น ดังนั้น แพทโก้ กรุ๊ป จึงมีโครงการที่พัฒนาเพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมาย และถือว่าเป็นจุดแข็งของแพทโก้ กรุ๊ป ซึ่งส่งผลให้คู่แข่งจากกรุงเทพฯ ทยอยเข้ามาลงทุนในตลาดนี้กันมากขึ้น จึงทำให้ในเขต EEC ไม่สามารถขยายตัวได้ตามเป้าหมาย บริษัทจึงมองไปที่การเข้ารุกตลาดใหม่ๆ ในทำเลอื่น โดยใช้หลักการเดียวกันกับโครงการที่ผ่านมา คือ ต้องเป็นแหล่งชุมชนที่หนาแน่น มีความต้องการในที่อยู่อาศัยย่างแท้จริง และต้องไม่ใช่ตลาดเก็งกำไร ซึ่งบริษัทได้เลือกพื้นที่ กรุงเทพฯ เขตลาดพร้าว เป็นจุดหมายใหม่ของปีนี้ ในชื่อโครงการว่า “THER (เธอ) ลาดพร้าว 93” ภายใต้ บริษัทวิจิตรา ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด
โดยสัดส่วนการทำตลาดของ แพทโก้ กรุ๊ป คือ เน้นไปที่ผลิตภัณฑ์รวม 3 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มระดับกลาง-ล่าง มูลค่าบ้านตั้งแต่ 2-3 ล้านบาท กลุ่มระดับกลาง-บน มูลค่าบ้านตั้งแต่ 3-5 ล้านบาท และกลุ่มพรีเมียม มูลค่าบ้านตั้งแต่ 6-25 ล้านบาท ซึ่งโครงการ THER (เธอ) ลาดพร้าว 93 ก็อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมเช่นกัน
ด้าน ดร.นวณัฐ สุขะมงคล รองประธานกรรมการ แพทโก้ กรุ๊ป และบริษัท วิจิตรา ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด บริษัทในเครือ กล่าวเสริมว่า โครงการ “THER (เธอ) ลาดพร้าว 93” ได้ที่ดินมาเมื่อปีที่ผ่านมา โดยพัฒนาเป็นโครงการรูปแบบใหม่ที่สื่อความหมายให้ผู้อาศัยรู้สึกว่า ‘บ้านของฉัน.. คือ เธอ’ โดยตัวโครงการเป็นพื้นที่สีเขียวแปลงใหญ่ มีต้นไม้ใหญ่จำนวนมากที่ให้ความร่มรื่นตลอดพื้นที่ในโครงการ ซึ่งจุดนี้ถือว่าเป็นจุดแข็งของโครงการ และมีจำนวนยูนิตไม่มากประมาณ 82 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 8.9 ล้านบาท ถึง 10.8 ล้านบาท ตัวโครงการมีการแบ่งประเภทบ้านออกเป็น 3 รูปแบบ ที่ดินเริ่มต้นตั้งแต่ 22.1 จนถึง 28.5 ตารางวา ขนาดพื้นที่ใช้สอย 221-284 ตารางเมตร (ตร.ม.)
"คาดว่าบ้านตัวอย่างจะแล้วเสร็จปลายปี ซึ่งได้มีการเปิดขายเฟสแรก 13 ยูนิต มียอดขายแล้วไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ เพื่อตอบรับกับกลุ่มที่ต้องการลงทุนในภาวะที่ดัชนีตลาดหุ้นปรับลดลง ทางโครงการมีการทำเรื่องการันตีผลตอบแทนให้แก่นักลงทุน โดยกัน 7 ยูนิตในเฟสสุดท้ายออกมาทำการตลาด ในอัตราผลตอบแทนและรับซื้อคืนประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ โดยต้องทำสัญญาและจองตั้งแต่วันนี้"
น.ส.นลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ทำเลย่านลาดพร้าวว่า ศักยภาพของตลาดที่อยู่อาศัยในลาดพร้าว พบว่า มีที่อยู่อาศัยทุกประเภทเกิดขึ้นมากมายตามความเจริญเติบโต จากการเก็บข้อมูลโครงการแนวราบ จำนวน 555 ยูนิต บริเวณลาดพร้าวตอนต้น-ตอนปลาย และเลียบด่วนเอกมัย นาคนิวาส-เลียบด่วนรามอินทรา ส่วนใหญ่ประมาณ 75% เป็นโครงการระดับราคา 5-8 ล้านบาท ตามมาด้วย 18% เป็นโครงการระดับราคา 8-10 ล้านบาท และอีก 7% เป็นโครงการระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไป
โดยยอดขายโครงการในช่วงราคา 8-10 ล้านบาท มียอดขายสูงสุด 97% จากอุปทานที่มีอยู่ ทำให้เรามีโอกาสทางการตลาดในการทำโครงการทาวน์โฮมระดับราคา 8-10 ล้านบาทค่อนข้างมาก สำหรับโครงการในช่วงราคา 5-8 ล้านบาท มียอดขาย 66% และโครงการระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป มียอดขาย 46% โดยอัตราการขายรวมในตลาดอยู่ที่ 70%
สำหรับทำเลโครงการส่วนใหญ่ในบริเวณนี้แบ่งออกเป็น 3 ทำเลหลักคือ ลาดพร้าวตอนต้น-รัชดา เลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา และลาดพร้าวตอนปลาย โดยแต่ละทำเลมีความแตกต่างกันออกไป สำหรับลาดพร้าวตอนต้น-รัชดา มีความเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจใหม่ มีทั้งห้างร้าน มีรถไฟฟ้าใต้ดินสายปัจจุบัน ส่วนทำเลเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา เป็นทั้งถนนเส้นหลักในการเชื่อมเข้าตัวเมืองชั้นในและเป็นศูนย์รวมแหล่งบันเทิงจึงเป็นเส้นทางที่ไม่เคยหลับใหล และทำเลลาดพร้าวตอนปลายเป็นทำเลที่กำลังพัฒนาโดยมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2564 เป็นทำเลที่เชื่อมต่อไปยังใจกลางเมืองได้ง่าย รายล้อมด้วยศูนย์การค้าและโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เป็นย่านชุมชนที่อุดมสมบูรณ์ มีความเป็นครอบครัวขนาดกลางทำให้ค่าครองชีพไม่สูงเหมือนทำเลอื่น
"พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ในด้านที่อยู่อาศัย ต้องยอมรับว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นความต้องการพื้นที่ที่มากขึ้น เนื่องจากช่วง work from home ต้องมีการใช้พื้นที่เพื่อนั่งทำงานในบ้าน มีกิจกรรมอื่นๆ ทำภายในบ้าน จึงส่งผลให้ผู้บริโภคมองหาที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่ที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ จากพฤติกรรมการเสพสื่อทางออนไลน์และซื้อของทางออนไลน์มากขึ้น จึงส่งผลให้การมองหาบ้านที่มีราคาสมเหตุสมผลโดยเลือกทำเลในเดินทางสะดวกในแง่ของการใช้บริการรถสาธารณะ"