xs
xsm
sm
md
lg

เปิดโผ 11 หุ้นเด่น รับผลประโยชน์เงินบาทอ่อนค่า

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โบรกเกอร์ เปิดโผ 11 หุ้นเด่นรับประโยชน์เงินบาทอ่อนค่า ทั้งกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์-อาหาร ชู SMPC-MEGA แต่กลุ่มสายการบิน-พลังงานรับผลกระทบ เหตุมีต้นทุน-เงินกู้เป็นสกุลต่างประเทศ ชี้ THAI-AAV-BA เหตุมีต้นทุนเงินกู้สกุลดอลลาร์

ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทอ่อนค่าหลังความต้องการดอลลาร์ของภาคธุรกิจและราคาทองคำที่ผันผวน โดยมีนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.05-31.45 บาทต่อดอลลาร์

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBS) เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์ เรื่อง หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า ว่า จากแนวโน้มค่าเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่า คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อหุ้น/อุตสาหกรรม โดย KTBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์ ดังนี้

สำหรับหุ้น/อุตสาหกรรม ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จาก “ค่าเงินบาทอ่อนค่า”

1) กลุ่มอิเลกทรอนิกส์ เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่มาจากการส่งออก การอ่อนค่าของเงินบาททุกๆ 1 บาท จะมีผลทำให้กำไรของ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE เพิ่มขึ้น +6% และ บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA เพิ่มขึ้น +5%

2) กลุ่มอาหาร เนื่องจากมีรายได้ส่วนใหญ่จากต่างประเทศ โดยเรียงลำดับทุกการอ่อนค่า 1 บาทจะส่งผลต่อกำไรลดลงดังนี้ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA +6%, บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU +5%, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF +5%, บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN +5%, บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT +2%

3) อุตสาหกรรมอื่น ที่ได้ผลกระทบเชิงบวกจากค่าเงินบาทอ่อน เนื่องจากมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากการส่งออก ได้แก่ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ประเมินทุกๆ 1 บาทที่อ่อนค่าทำให้กำไรเพิ่มขึ้น +8-10% บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MEGA ประเมินทุกๆ 1 บาทที่อ่อนค่าทำให้กำไรเพิ่มขึ้น +8% บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ประเมินทุกๆ 1 บาทที่อ่อนค่าทำให้กำไรเพิ่มขึ้น +4% บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ประเมินทุกๆ 1 บาทที่อ่อนค่าทำให้กำไรเพิ่มขึ้น +2%

เชียร์ SMPC - MEGA

ทั้งนี้ หุ้นที่น่าสนใจจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า เรายังชอบ SMPC (ซื้อ/เป้า 12.70 บาท) เนื่องจากเป็นหุ้นที่จะได้ผลบวกมากสุดจากเงินบาทอ่อนค่า และผลกระทบจาก COVID-19 หนุนทำอาหารเอง ดันยอดขายถังแก๊สพุ่ง และ MEGA (ซื้อ/เป้า 44.00 บาท) จะได้อานิสงส์จาก COVID-19 ส่งผลบวกต่อยอดขายวิตามินเพิ่มขึ้น และ CPF (ซื้อ/เป้า 35.00 บาท) ยังได้ประโยชน์จากราคาหมูที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

หุ้นการบิน-พลังงาน-ไฟฟ้า กระทบจากต้นทุนเงินกู้ ต่างประเทศ

ส่วนหุ้น/อุตสาหกรรม ที่ที่คาดว่าจะได้รับผลลบจาก “ค่าเงินบาทอ่อนค่า”

1) กลุ่มสายการบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI , บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ,บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA มีโครงสร้างต้นทุนเป็นเงินสกุลดอลลาร์ราว 60% ค่าเงินบาทอ่อนค่าจะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น

2) กลุ่มพลังงาน เนื่องจากมีเงินกู้สกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้มีการบันทึก unrealized fx loss เรียงลำดับมากสุด ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT , บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC, บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ขณะที่ฝั่งรายได้และค่าใช้จ่ายจะเกิด natural hedge

3) กลุ่มโรงไฟฟ้า เนื่องจากมีเงินกู้สกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้มีการบันทึก unrealized fx loss เข้ามา อย่างไรก็ตาม รายการดังกล่าวเป็นเพียงรายการทางบัญชีและไม่ได้มีผลกระทบต่อกระแสเงินสด ทั้งนี้หุ้นที่มี impact จากประเด็นดังกล่าว ประกอบด้วย บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF , บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM , บริษัท โกลบอลเพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC, บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH , บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP , กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL

4) อื่นๆ น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TVO จะได้ต้นทุนนำเข้าวัตถุดิบที่ถูกลง (บริษัทนำเข้าถั่วเหลืองจากต่างประเทศราว 75-80%) ทุกๆ 1 บาทที่อ่อนค่า จะทำให้กำไรลดลงประมาณ -3%


กำลังโหลดความคิดเห็น