คริปโตมายด์มองภาพรวมตลาดคริปโตในไทยเริ่มเข้าที่ แจงมีความพร้อมทางธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น หลัง ก.ล.ต.กำหนดหลักเกณฑ์สำหรับผู้ประกอบการมีความหลากหลายประเภททั้ง Exchange, Dealer หรือ Broker ประเมินครึ่งปีหลังตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลคึก หลังรัฐบาลคลายล็อกดาวน์
นายสัญชัย ปอปลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ จำกัด และที่ปรึกษา สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย เปิดเผยต่อ “หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน 360” ถึงภาพรวมของธุรกิจ Digital Asset และ Crypto currency ว่า ไทยตอนนี้ถือได้ว่ามีความพร้อมทางธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัลมากพอสมควร และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.มีหลักเกณฑ์สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการใบอนุญาตประเภทต่างๆ ในด้านธุรกิจซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว ทั้งใบอนุญาตประเภท Exchange, Dealer หรือ Broker
นอกจากนี้ยังมีใบอนุญาตสำหรับผู้ที่ต้องการออกสินทรัพย์ในรูปแบบดิจิทัล อย่าง ICO Portal ที่ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจใดๆ สามารถเข้ามาระดมทุนในรูปแบบใหม่นี้ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ซึ่งปัจจุบัน Cryptocurrency นั้นยังไม่มีผลต่อตลาดการเงินหรือตลาดทุนของไทยเท่าใดนัก
ทั้งนี้ ปัจจุบันแนวคิดนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นที่มากเกินกว่าที่จะพูดได้ว่าคริปโต Token เหล่านี้มีผลกระทบต่อตลาดทุนอย่างไร แต่ด้วยตัวของเทคโนโลยีบล็อกเชนก็มีแนวโน้มที่ชัดเจนว่าผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนแทบทั้งหมดจะเปลี่ยนไปใช้โครงสร้างของ Digital Asset ในอนาคตแน่นอน
"บล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลจะช่วยยกระดับ Digital Economy และเปิดโอกาสทางธุรกิจมากมายให้กับองค์กรที่พร้อมจะปรับตัว และในส่วนของการดำเนินธุรกิจของ “คริปโตมายด์ ” คือการประกอบธุรกิจด้วยการให้บริการแบบ one-stop-service ด้านบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล"
นายสัญชัยประเมินว่า ตลาดคริปโตในเมืองไทยนั้นมีมูลค่าที่ค่อนข้างน้อยและมักจะแปรผันตามกระแสของตลาดโลก ถ้าดูมูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรวม พบว่าไทยกินส่วนแบ่งแค่ราวๆ 0.02% เท่านั้น ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก ซึ่งอุตสาหกรรมคริปโตยังมีโอกาสเติบโตได้อีก 5-10 เท่า เพราะในไทยอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น ขณะนี้บริษัทชั้นนำจากต่างประเทศกำลังศึกษาและจับตามองไทยอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองการพัฒนาด้าน Blockchain หรือ Digital Asset รวมถึงการลงทุนมีแนวโน้มค่อนข้างดี เพราะกฎระเบียบในไทยค่อนข้างพร้อมเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ เพราะมีใบอนุญาตรวมถึง พ.ร.ก.ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล ขณะเดียวกัน โครงสร้างพื้นฐาน รวมไปถึงค่าครองชีพต่างๆ ทำให้ไทยเป็นฐานที่ค่อนข้างน่าสนใจสำหรับผู้ที่จะทำธุรกิจเกี่ยวกับ Digital Asset และ Blockchain จำนวน Developer ในไทยมีมากเมื่อเทียบกับประเทศใกล้เคียงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อย่างไรก็ตาม กระแสตลาด Digital Asset โลกยังมีเรื่องของเทคโนโลยีอย่าง DeFi หรือ Decentralized Finance ที่เป็นการสร้างระบบบริการทางด้านการเงินในรูปแบบใหม่ที่ไร้ศูนย์กลาง เปรียบเสมือนธนาคารแห่งโลกอนาคต ที่สามารถให้บริการการฝากเงิน, การโอนเงิน, การปล่อยกู้, การค้ำประกัน รวมไปจนถึงการสร้าง Digital Asset ขึ้นมา โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาสถาบันการเงินหรือตัวกลาง ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการบริหารจัดการด้านการเงินได้อย่างมาก
สำหรับการซื้อขายและเก็งกำไรในตลาดคริปโตในช่วงโควิด-19 นั้น ต้องสังเกตสภาพตลาดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ทองคำ หรือน้ำมัน เพราะของพวกนี้มันมี Fund Flow ที่เงินจะไหลไปในแต่ละที่ ซึ่งปัจจุบันแม้จะเกิดวิกฤตในตลาดทุนมากมาย แต่ก็ดูเหมือนว่าตลาดคริปโตก็ยังทรงตัวอยู่ และด้วยกระแสนิวนอร์มัล คนจะเบนสู่โลกดิจิทัล ก็ทำให้เริ่มหันมาลงทุนด้านดิจิทัลกันมากขึ้น และตลาดคริปโตก็เป็นหนึ่งในการลงทุนทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน ช่วงที่ผ่านมามีคนสมัครเว็บไซต์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
โดยภาพรวมของธุรกิจด้านคริปโตนั้น ผลกระทบจากโควิดมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะหากว่าเป็นธุรกิจที่เปิดตัวไปแล้วก็จะได้อานิสงส์จากการที่คนหันมาสู่โลกดิจิทัลกันมากขึ้น ทำให้จำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น แต่หากเป็นธุรกิจที่เตรียมการสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ นั้น ก็จะได้รับผลกระทบค่อนข้างมากเพราะโครงการต้องเลื่อนออกไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งน่าจะคลายตัวหลังจากไทยคลายล็อกดาวน์