หัวเว่ย (Huawei) เอ่ยปาก 5G ไทยก้าวเร็วมากช่วงโควิด-19 ยืนยันพร้อมหนุนทุกโครงการให้ก้าวไปด้วยกัน ย้ำคำเดิม 5G จะเป็นกลไกฟื้นฟูเศรษฐกิจ กระตุ้นพันธมิตรไทยรวม 5G เข้ากับ Cloud และ AI เพื่อสร้างศักยภาพไร้ขีดจำกัด ระบุนอกจากเฮลท์แคร์ที่เริ่มมาดี ยังมีด้านการเกษตรและระบบเสมือนจริงหรือ VR เพื่อการท่องเที่ยว ที่มองว่ากำลังไปได้สวยในครึ่งหลังของปี
นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ยเทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในงานสัมมนาสำหรับสื่อมวลชนภายใต้หัวข้อ “5G อีโคซิสเต็มและอนาคตของประเทศไทย” ว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพด้านเทคโนโลยี 5G ในระดับแนวหน้า โดย 5G จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ช่วยผลักดันภาคเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยในทุกๆด้าน การมาถึงของ 5G อีโคซิสเต็มจะช่วยพัฒนาทั้งคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานทั่วไปรวมทั้งยกระดับสังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
“ภารกิจของหัวเว่ยประเทศไทยคือการเติบโตพร้อมไปกับประเทศไทย เรามุ่งมั่นสนับสนุนการนำเทคโนโลยี 5G มาใช้พัฒนาธุรกิจต่างๆเพราะเป็นกุญแจสำคัญต่อการฟื้นฟูและสร้างการเติบโต ทั้งต่อเศรษฐกิจและสังคมของไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลิตผลลดค่าใช้จ่าย และยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น ยิ่งกว่านั้น เราจำเป็นต้องสร้างอีโคซิสเต็มเพื่อรองรับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม โดยเทคโนโลยี 5G จะไม่เพียงช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานทั่วไป แต่จะช่วยยกระดับสังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย”
นายวรกาน ลิขิตเดชาศักดิ์ รองหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีเครือข่ายโทรคมนาคม บริษัท หัวเว่ยเทคโนโลยี(ประเทศไทย) จำกัด ย้ำว่า ประเทศไทยนับว่ามีความก้าวหน้าอย่างมากเพราะเป็นหนึ่งในประเทศแรกของอาเซียนที่เป็นผู้นำเทคโนโลยีนี้มาประยุกต์ใช้แล้ว แต่ก็ไม่เพียงพอเพราะ 5G ยังต้องมีองค์ประกอบของระบบนิเวศน์ที่จะพัฒนาอย่างยั่งยืน
องค์ประกอบของระบบนิเวศน์ 5G ที่หัวเว่ยมองประกอบไปด้วย 4 ปัจจัย ได้แก่ 1. นวัตกรรมในภาคธุรกิจ ทั้งบริการใหม่ที่หลากหลายมากขึ้น 2. พาร์ทเนอร์ในอีโคซิสเต็ม ทั้งผู้ให้บริการเครือข่าย ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแบบแนวดิ่ง ผู้ให้บริการด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างหัวเว่ย และผู้จัดทำโซลูชั้นในประเทศ เป็นต้น 3. 5G ที่ใช้งานได้จริง (Real Use Cases) และ 4. ประสบการณ์ ในการนำเอาเทคโนโลยีระดับโลกมาประยุกต์ใช้ในประเทศ
เมื่อการพัฒนา 5G ไม่อาจเกิดขึ้นเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่ง หัวเว่ยจึงพยายามกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหว 5G ทั้งระบบ โดยย้ำว่า 5G จะช่วยยกระดับด้านการเชื่อมต่อ (Connectivity) ในขณะที่ AI จะช่วยยกระดับด้านความชาญฉลาด (Intelligence) เมื่อนำนวัตกรรมทั้ง 2 มาผสานกันจะทำให้เกิดโอกาสใหม่ ๆ ที่ไร้ขีด จำกัด (Infinite possibilities) โดยอีโคซิสเต็มจากเทคโนโลยี 5G จะทำให้ทุกภาคอุตสาหกรรมในอนาคตนำทั้งเทคโนโลยี Cloud, Al และ Big Data ไปประยุกต์ใช้ร่วมกับ 5G จนเกิดความ“ อัจฉริยะ” ในทุกกระบวนการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) อุตสาหกรรมสาธารณสุขอัจฉริยะ (Smart Healthcare) หรือแม้แต่ระบบเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้แก่องค์กรในประเทศไทยรวมถึงสร้างโอกาสการต่อยอดรายได้และเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ มากขึ้น
นอกจากนี้ 5G ยังจะช่วยยกระดับ Digital Society ของประเทศไทย ได้แก่ การต่อยอดมาตรฐานของภาคสาธารณสุข การสนับสนุนภาคการศึกษาออนไลน์ และการสร้างความเท่าเทียมทางดิจิทัลให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ ซึ่งจะช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ขณะเดียวกัน 5G ก็ยังมีบทบาทในการผลักดัน Digital Economy ของประเทศได้แก่ ภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม ภาคอีคอมเมิร์ช และภาคการท่องเที่ยว
รูปแบบธุรกิจใหม่จาก 5G สำหรับผู้บริโภคที่น่าจับตานับจากนี้ ได้แก่ การให้บริการในรูปแบบ Virtual Reality (VR), Augment Reality (AR), การเล่นเกมแบบ Cloud Gaming ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเต็มรูปแบบการถ่ายทอดสดออนไลน์ด้วยความละเอียดระดับ 4K หรือผ่าน VRIAR เป็นต้น สำหรับภาคธุรกิจองค์กร 5G จะเข้าไปมีบทบาทได้ทั้งในด้านอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมโดยสามารถพัฒนาโซลูชันเพื่อตอบโจทย์ในสามเรื่องหลัก ได้แก่ 1. การเพิ่มจำนวนผลผลิต 2. ลดจำนวนสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มีตำหนิหรือไม่ได้มาตรฐาน 3. ลดต้นทุนให้แก่กระบวนการผลิตและการดำเนินการ
“ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการนับเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สำคัญมากสำหรับประเทศไทยและสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ได้ในช่วงเวลาของความท้าทายเช่นนี้โดยรูปแบบการใช้งานแบ่งเป็น 2 แนวทางหลัก ได้แก่ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G เพื่อช่วยโปรโมทภาคการท่องเที่ยวของไทยและการประยุกต์ใช้5G เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคการท่องเที่ยวของไทย”
นายวรกานทิ้งท้ายว่าความน่าสนใจของ 5G ไทยช่วงครึ่งหลังปีนี้ คือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G เพื่อช่วยโปรโมทภาคการท่องเที่ยวของไทย ตัวอย่างของการนำ 5G มาโปรโมทภาคการท่องเที่ยวก็คือการท่องเที่ยวแนวธรรมชาติเพื่อชมการเกษตรแบบอัจฉริยะ (Smart Agriculture) ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ใน 3 รูปแบบพร้อมกัน ได้แก่ ช่วยให้เกษตรกรมีผลผลิตทางด้านการเกษตรที่ดีขึ้นดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชม Smart Farm และสร้างรายได้เพิ่มให้แก่เกษตรกรจากการเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น
“เทคโนโลยี 5G ยังสามารถนำมาเสริมการท่องเที่ยวในประเทศได้โดยผ่านมัลติมีเดียใหม่ เพื่อสร้างประสบการณ์ในรูปแบบใหม่ ๆ สร้างคอนเทนท์โปรโมทสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม หรือร้านอาหารต่างๆ ในรูปแบบ VRAR ร่วมกับยูทูบเบอร์ชื่อดังและผู้ผลิตคอนเทนต์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างประสบการณ์ Unseen Thailand ใหม่ และการท่องเที่ยวที่แตกต่างให้แก่นักท่องเที่ยวเสริมการใช้ชีวิตวิถใหม่และยังดึงดูดให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเกิดความต้องการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น” หัวเว่ยระบุ