อีสท์ วอเตอร์กางแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อสำรองน้ำในช่วงฤดูฝน เน้นการเชื่อมโยงอ่างเก็บน้ำและเพิ่มพื้นที่ความจุ เผยปีนี้อัดงบ 4 พันล้านบาทขยายอ่างและก่อสร้างท่อส่งน้ำใหม่ ตลอดจนพัฒนาสถานีสูบน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ อีกทั้งโครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลรองรับ EEC ขณะใจป้ำจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.26 บาท แม้ไตรมาสแรกกำไรลดลงเหลือ 317.40 ล้านบาท
นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW เปิดเผยว่า ปัจจุบันความต้องการน้ำรวมสำหรับอุปโภคบริโภคและอุตสาหกรรมของพื้นที่ภาคตะวันออกที่เกี่ยวข้องกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC มีประมาณ 325 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีแหล่งน้ำต้นทุน 427 ล้านลูกบาศก์เมตร จากคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ EEC จะมีความต้องการใช้น้ำในปี 2579 เพิ่มถึง 675 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งบริษัทฯ ได้จัดเตรียมแผนรองรับการขยายอ่างเพื่อเก็บน้ำสำรองในช่วงฤดูฝน
ทั้งนี้ แผนบริหารจัดการน้ำของภาคเอกชน ในการหาแหล่งน้ำทางเลือกเป็นการลดการพึ่งพิงน้ำแหล่งธรรมชาติ EASTW ได้ร่วมกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องศึกษารูปแบบและแนวทางพัฒนาโครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลเพื่อรองรับ EEC โดย EASTW อัดงบลงทุน 2,200 ล้านบาทเพื่อขยายอ่างเก็บน้ำสำรองในช่วงฤดูฝน ด้วยการเชื่อมโยงอ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำต่างๆ ทั้งคลองวังโตนด, อ่างเก็บน้ำประแสร์, อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล และอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ เข้าด้วยกันด้วยระบบท่อส่งน้ำ คาดแล้วเสร็จสิ้นปี 2564 ตลอดจนการจัดหาเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อนำมาผลิตน้ำครบวงจรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ส่งผลให้ภาพรวมปีนี้อาจต้องใช้เงินทุนเกินกว่า 4,000 ล้านบาทเพื่อรองรับการขายน้ำอุตสาหกรรมให้แก่ลูกค้ารายใหญ่รวมทั้งใช้ก่อสร้างท่อส่งน้ำใหม่ ตลอดจนพัฒนาสถานีสูบน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
"บริษัทมีพื้นที่ให้บริการหลักอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง ด้วยโครงข่ายท่อส่งน้ำความยาว 491.8 กิโลเมตร การลงทุนรับความต้องการใช้น้ำอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน ซึ่ง 2 ปีข้างหน้า และคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นเฉลี่ยปีละ 50 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำที่ลงทุนเตรียมไว้นี้คาดว่าจะมีเพียงพอใช้ เพราะเป็นการคาดการณ์ปริมาณน้ำสูงกว่าความต้องการใช้น้ำที่ประเมินเผื่อไว้อีก 20-25%" นายจิรายุทธกล่าว
ทั้งนี้ ประเมินว่าปี 2563 มีสถานการณ์ภัยแล้งทั่วประเทศรวมทั้งภาคตะวันออก ทั้ง EASTW และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด สำหรับแผนระยะสั้น EASTW มีแผนซื้อน้ำจากแหล่งน้ำเอกชนมากขึ้นเพื่อรักษาเสถียรภาพการจำหน่ายน้ำในพื้นที่ขาดแคลนน้ำ การปรับปรุงสถานีสูบนํ้าฉะเชิงเทรา ให้ปริมาณสูบนํ้ารวมเพิ่มเป็นวันละ 300,000 ล้านลูกบาศก์เมตร จากเดิมวันละ 200,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนแผนระยะยาว ได้ก่อสร้างสระเก็บน้ำดิบทับมา แหล่งกักเก็บน้ำของบริษัท ทำระบบสูบน้ำให้เชื่อมต่อเข้าระบบท่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อันจะทำให้เพิ่ม supply และรองรับ EEC ได้อีก 5-10 ปีข้างหน้า คาดการณ์แล้วเสร็จปี 2564
ล่าสุดทางกองทัพเรือเลือกให้ EASTW เป็นผู้ผลิตน้ำครบวงจรสำหรับใช้ในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ทั้งน้ำประปา 20,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน บำบัดน้ำเสีย 16,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน และน้ำรีไซเคิล 4,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
ขณะผลงานไตรมาสแรกปีนี้ EASTW มีรายได้ 1,157.02 ล้านบาท ลดลง 7.81 ล้านบาท เทียบไตรมาส 1 ปี 2562 ที่มีรายได้ 1,164.183 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 317.40 ล้านบาท ลดลง 27.23 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการขายนํ้าดิบสำหรับไตรมาสแรก 710.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.86 ล้านบาท ขณะที่ปริมาณนํ้าดิบจำหน่ายรวม 64.85 ล้านลูกบาศก์เมตร ลดลง 4.61 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 6.64% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก ปี 2562 สวนทางกับการประกาศจ่ายเงินปันผลผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.26 บาท ซึ่งได้จ่ายไปแล้วเมื่อ 30 เมษายน 2563
สำหรับลูกค้าของ EASTW แบ่งเป็นกลุ่มลูกค้านิคมอุตสาหกรรม 50% กลุ่มอุปโภคบริโภค 22% กลุ่มลูกค้าสวนอุตสาหกรรม 14% กิจการประปาของกลุ่มบริษัท 9% และกลุ่มโรงงานทั่วไป 5%
