xs
xsm
sm
md
lg

‘นิด้า’ แนะรัฐผันงบ เน้นสร้างการแข่งขัน-พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รับมือความเสี่ยงเศรษฐกิจไทย-โลกจาก COVID-19 อาจซึมยาว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรวิทยาการการจัดการสำหรับนักบริหารระดับสูง (วบส.) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) แนะรัฐจัดทำกรอบงบประมาณปี 64 มุ่งเน้นที่การจัดทำยุทธศาสตร์ของประเทศเป็นหลัก เร่งพัฒนา เสริมสร้างศักยภาพด้านทรัพยากรมนุษย์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน รองรับความเสี่ยงจากวิกฤตเศรษฐกิจและปัจจัยลบ COVID-19 ที่ฉุดการค้าไทยและโลกต่อเนื่อง ชี้เศรษฐกิจโลกยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนสูงจนกว่าจะมีวัคซีนป้องกันโรค

นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรวิทยาการการจัดการสำหรับนักบริหารระดับสูง (วบส.) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่า การจัดทำกรอบงบประมาณปี 2564 วงเงิน 3.3 ล้านล้านบาทของภาครัฐ ควรใช้หลักการบริหารจัดการเข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่การเปลี่ยนแปลง และรับมือกับปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ที่เปลี่ยนแปลงจากผลกระทบของโรคไวรัสโคโรนา หรือ COVID-19 ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของโลกชะลอตัว และต้องใช้ระยะเวลาอีกหลายปีกว่าจะฟื้นตัวกลับมาเหมือนช่วงก่อน COVID-19 ทำให้ไทยในฐานะประเทศที่พึ่งพารายได้จากการส่งออกและท่องเที่ยวยังต้องเผชิญความเสี่ยงทางเศรษฐกิจในระยะยาวต่อไป โดยคาดการณ์ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีนี้จะหดตัวถึง 8-10%

ดังนั้น การจัดทำงบประมาณในปี 2564 นั้น จึงควรเน้นยุทธศาสตร์ของประเทศที่มุ่งพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ เพื่อสร้างจุดแข็งของประเทศใหม่ โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า การตั้งงบกลางที่มีกว่า 6 แสนล้านบาทถือว่าเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก ซึ่งควรมีการจัดสรรไปใช้ในด้านอื่นๆ ที่มีการระบุวัตถุประสงค์ของโครงการที่ชัดเจน ควบคู่กับการใช้งบประมาณที่เหลือ 4 แสนล้านบาทจาก พ.ร.ก.กู้เงิน และงบตกค้างจากปีงบประมาณปกติของปี 2563 รวมถึงงบลงทุนจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจอีก 3 แสนล้านบาทนำมาใช้ฟื้นฟูประเทศ ผ่านการจัดทำโครงการที่เน้นก่อให้เกิดผลทางด้านเศรษฐกิจ สร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดการหมุนเวีนของปริมาณเงินในระบบหลายรอบและสร้างประโยชน์ในระยะยาว

“การจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลมีความจำเป็นในทางเศรษฐกิจที่หดตัวอย่างรุนแรง และสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีของไทยยังอยู่ในกรอบไม่เกิน 60% ของจีดีพี เพราะไทยยังมีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประเทศ จึงควรเร่งรัดการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดิน โดยให้ความสำคัญต่อการใช้จ่ายเงินงบแต่ละกระทรวง ที่ต้องติดตามการนำเงินไปใช้ในแต่ละโครงการให้ตอบโจทย์มิติการเพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินโครงการที่สำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศ หรือต่อยอดสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันของประเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดภายใต้งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด เช่น โครงการสร้างประเทศไทยให้เป็นเมดิคัลฮับของโลก เป็นต้น”



กำลังโหลดความคิดเห็น