โพลนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2563 อยู่ที่ 1,383 จุด โดยมีปัจจัยบวกจากมาตรการ QE ของประเทศสำคัญทั่วโลก และอัตราดอกเบี้ยต่ำ ส่วนปัจจัยลบคือเศรษฐกิจโลกชะลอตัว การระบาดของโควิด-19 แนะหุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำ คือ ADVANC, CK, CPALL, CPF และ INTUCH
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน แถลงผลการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนต่อมุมมองในด้านการลงทุนและคาดการณ์ทิศทางดัชนีราคาหุ้นไทย (SET Index) ในครึ่งหลังของปี 2563 นี้ โดยครั้งนี้มีผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด 20 บริษัท โดยนักวิเคราะห์มองว่าดัชนีราคาหุ้นไทยในช่วงไตรมาสที่ 3 มีแนวโน้มไปในทิศทางลบ คาดว่าดัชนีราคาหุ้นไทย ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 1,347 จุด พร้อมปรับเป้าหมายดัชนี ณ วันสิ้นปี 2563 มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,383 จุด ซึ่งมากกว่าผลสำรวจของไตรมาส 2 ที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 1,276 จุด และคาดการณ์จุดต่ำสุดของดัชนีราคาหุ้นไทยที่ 1,236 จุด สำหรับจุดสูงสุดของดัชนีราคาหุ้นไทยที่ 1,448 จุด นอกจากนี้ยังได้ปรับลดอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปีนี้เป็นติดลบ 7.21% ส่วนจีดีพีปี 2564 จะขยายตัว 4.24% และได้ปรับสมมติฐาน ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยของปี 2563 ที่ 41.13 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ด้านการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลด 0.25% ในครึ่งหลังของปี 2563 และคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ของตลาดเฉลี่ยที่ 65.44 บาท ลดจากการสำรวจครั้งก่อน 79.70 บาท ส่วน EPS Growth ของงบปี 2563 คาดว่า EPS Growth เฉลี่ยอยู่ติดลบ 22.30%
สำหรับปัจจัยที่มีผลบวกต่อดัชนีราคาหุ้นไทยในครึ่งหลังของปี 2563 ได้แก่ มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของประเทศสำคัญทั่วโลก ทิศทางการผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา (FED) และดอกเบี้ยในประเทศ ส่วนปัจจัยที่จะส่งผลในด้านลบ ได้แก่ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจต่างประเทศ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และเศรษฐกิจภายในประเทศ เป็นที่น่าสังเกตว่าปัจจัยทางด้านการเมืองในประเทศนั้นไม่มีผลมากนักต่อทิศทางราคาหุ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ส่วนรายชื่อหุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำ คือ ADVANC, CK, CPALL, CPF และ INTUCH สำหรับหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม และสายการบิน
ส่วนความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนเกี่ยวกับการจัดพอร์ตการลงทุน มีความเห็นว่า 23.71% แนะนำลงทุนหุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย รองลงมา 19.71% มองว่าลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ และ 18.53% แนะนำลงทุนในหุ้นต่างประเทศ กองทุนหุ้นต่างประเทศ