xs
xsm
sm
md
lg

ระวัง...หุ้นไทยแพงไป (หน่อย) / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ทำเรื่องดีๆ อยู่ 2 เรื่อง คือ การเตือนให้ระวังการลงทุนหุนบริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ACAP และเตือนว่า ตลาดหุ้นไทยราคาสูงมาก เมื่อเทียบกับค่า พี/อี เรโช

การออกประกาศเตือนให้ระมัดระวังหุ้น ACAP เนื่องจากบริษัทผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้จำนวน 689.40 ล้านบาท หรือคิดเป็น 18% ของสินทรัพย์รวม เมื่อสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 และผลการผิดนัดชำระหนี้ที่ครบกำหนด ส่งผลให้หุ้นกู้รุ่นอื่นผิดนัดชำระหนี้ตาม รวมวงเงิน 1,885.98 ล้านบาท หรือ 49% ของสินทรัพย์รวม

ก่อนหน้าฝ่ายบริหาร ACAP แจ้งว่า จะเร่งขายทรัพย์สินและหาแหล่งเงินกู้เพื่อนำมาชำระหนี้หุ้นกู้ และฐานะของบริษัทยังมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน เพียงพอที่จะชำระหนี้ได้ครบ

แต่ปัญหาเฉพาะหน้าคือ บริษัทไม่มีเงินที่จะไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด และไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่า จะชำระหนี้หุ้นกู้ได้เมื่อใด เพราะแม้แต่ดอกเบี้ยหุ้นกู้วงเงินเพียงไม่กี่ล้านบาท ยังจ่ายไม่ได้

แม้จะมีวิกฤตฐานะการเงิน และไม่สามารถชำระหนี้หุ้นกู้ได้ แต่หุ้น ACAP ยังเปิดซื้อขายตามปกติ โดยราคายังขยับขึ้นอีกด้วย

การที่ตลาดหลักทรัพย์ออกประกาศเตือนให้ระมัดระวัง ACAP จะช่วยให้นักลงทุนได้รู้ถึงปัญหาของบริษัทแห่งนี้ และใช้วิจารณญาณการลงทุนมากขึ้น

เพราะนักลงทุนบางคนอาจไม่รู้ถึงปัญหาที่น่าเป็นห่วง เกี่ยวกับฐานะการเงินของ ACAP และเข้ามาซื้อหุ้น หรือถือหุ้นไว้ต่อไปทั้งที่ควรหลีกเลี่ยงลงทุนหรือเทขายหุ้นออกเพื่อลดความเสี่ยง

คำเตือนของตลาดหลักทรัพย์ ส่งผลให้หุ้น ACAP ถูกเทขายทันที จนราคารูดลงติดฟลอร์ หรือลงต่ำสุดติดพื้น 15% ระหว่างชั่วโมงซื้อขาย

ส่วนการเตือนเรื่องราคาหุ้นไทยสูงเกินไปนั้น เป็นการให้สัมภาษณ์ของนายภากร ปิตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ โดยระบุว่า มูลค่าหุ้นไทยปรับตัวขึ้นสูงมาก เมื่อเทียบกับการประเมินผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีหน้า โดยมีค่า พี/อี เรโช ประมาณ 20 เท่า จากปกติค่า พี/อี เรโช จะอยู่ประมาณ 16-17 เท่า

ไม่ค่อยมีผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์คนใดออกมาพูดถึงตลาดหุ้นในแง่ลบมากนัก เพราะส่วนใหญ่จะพยายามพูดแต่ภาพในเชิงบวก หรือแนวเชียร์หุ้นมากกว่า

นายภากร เป็นผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์หนึ่งในจำนวนน้อยคนที่ออกมาสะท้อนถึงมุมมองในด้านลบ เตือนนักลงทุนให้ศึกษาติดตามทิศทางเศรษฐกิจ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19

ตลาดหลักทรัพย์มีหน้าที่สอดส่อง กำกับดูแลให้การซื้อขายเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม มีหน้าที่ให้ข้อมูลนักลงทุนที่ถูกต้อง ตรงไปตรงมาภายในเวลารวดเร็วให้นักลงทุน รวมทั้งส่งสัญญาณเตือนนักลงทุน เมื่อมีสถานการณ์ที่ไม่น่าวางใจ และอาจสร้างความเสียหายให้นักลงทุนได้

การแสดงทัศนะการลงทุนใดๆ ควรสะท้อนมุมมองที่รอบด้าน ไม่ใช่พยายามนำเสนอแต่มุมมองโลกสวย กระตุ้นการลงทุน เลี่ยงที่จะพูดถึงสถานการณ์ในแง่ร้าย ปล่อยให้นักลงทุนเผชิญกับความเสี่ยงโดยไม่ส่งสัญญาณเตือนภัย

การออกมาเตือนว่า ราคาหุ้นไทยเริ่มจะแพงไป จะทำให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน และข้อมูลที่หยิบยกเตือนก็เป็นข้อเท็จจริง

เพราะสัดส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น หรือค่า พี/อี เรโช เฉลี่ยของตลาดหุ้นระดับ 20 เท่า เป็นระดับค่า พี/อี เรโช ที่สูงมาก แม้จะเทียบกับค่า พี/อี เรโช เฉลี่ยตลาดหุ้นเพื่อนบ้านย่านเอเชียก็ตาม

ค่า พี/อี เรโช ปกติควรจะอยู่ที่ระดับ 16-17 เท่า ซึ่งคำนวณคร่าวๆ ถ้าค่า พี/อี เรโช จะถอยลงไปแถวระดับ 16-17 เท่า ดัชนีหุ้นจะต้องปรับตัวลงประมาณ 200 จุด โดยยืนอยู่ระดับ 100 จุดเศษเท่านั้น

แต่ดัชนีหุ้นกลับยืนอยู่เหนือ 1,300 จุด ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดหนัก การส่งออกเดือนพฤษภาคมติดลบมากสุดในรอบกว่า 10 ปี และจีดีพีปีนี้อาจลดลง 8.1% ขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะถูกกระทบอย่างหนักจาก “โควิด-19”

คำเตือนของกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ไม่ได้ห่างไกลจากความจริงแต่อย่างใด ตลาดหุ้นไทยแพงไป และนักลงทุนควรระวัง






กำลังโหลดความคิดเห็น