ตลาดรับสร้างบ้านในยุค Customer Centric นายกสมาคมฯ “วรวุฒิ กาญจนกูล” แนะสมาชิกปรับตัวภายใต้สภาวะ New Normal เน้นการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้ทุกคนทุกระดับ เดินหน้าจัดงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2020 เพื่อตอบรับกระแสของกลุ่มลูกค้า เชื่อมั่นแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภายใต้วงเงิน 4 แสนล้านบาท จะเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในปี 2563 คาดว่าจะเติบโตลดลงประมาณ 10-15% เมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านในช่วงปลายปี 2562 ที่มีมูลค่า 12,500 ล้านบาท เนื่องจากตลาดรับสร้างบ้านได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ตลาดรับสร้างบ้านหดตัวไม่น้อยกว่า 20-30% อันเป็นผลจากโควิด-19 ที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของปี 63 ทำให้หยุดการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ทางเศรษฐกิจ และจากมาตรการปิดเมือง (Lockdown)
แต่นับจากนี้ไปหากไม่มีการระบาดรอบสองหลังจากการคลายล็อก รวมถึงรัฐบาลได้ประกาศแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภายใต้วงเงิน 400,000 ล้านบาท จะเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมและหนุนทุกภาคธุรกิจให้มีแรงขับเคลื่อนต่อไป
ทั้งนี้ แม้ธุรกิจรับสร้างบ้านจะไม่ได้รับประโยชน์โดยตรง แต่เมื่อบรรยากาศโดยรวมดีขึ้นผู้บริโภคเกิดความมั่นใจ กล้าที่จะกลับมาใช้จ่ายมากขึ้น ก็เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจรับสร้างบ้านให้กลับมาสู่ภาวะปกติได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งนอกจากผู้บริโภคจะว่าจ้างปลูกสร้างบ้านใหม่ทั้งบนที่ดินใหม่หรือบนที่ดินเดิม ด้วยการรื้อบ้านหลังเก่าที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 30-40 ปีแล้วสร้างใหม่ นอกจากนี้ ยังมีตลาดรีโนเวตบ้านเก่าเพื่อให้ใช้งานได้มากขึ้น สอดคล้องต่อการใช้ชีวิตแบบใหม่ หรือ “New Normal” ทั้งการทำงานที่บ้าน (Work From Home) รวมถึงเรียนออนไลน์ ที่ต้องการพื้นที่เพิ่มเติมเฉพาะ ซึ่งที่ผ่านมา มีสมาชิกของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้ปรับตัวเข้าไปรับงานรีโนเวตบ้านมากขึ้น
และถึงแม้ ทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกที่คาดจะมีการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ก็ยอมรับว่าธุรกิจโดยรวมยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยลบต่างๆ ที่เกิดขึ้น ในภาวการณ์ดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการที่อยู่ภายใต้สภาวะ “New Normal” ที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดต่างๆ มากมาย ดังนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านจำเป็นต้องปรับรูปแบบการตลาดใหม่ จับทางความต้องการของผู้บริโภค หรือต้องมีความเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
"เมื่อลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านจะต้องเข้าใจเหตุผลถึงความต้องการอย่างแท้จริงและลงลึกในรายละเอียดสินค้าและบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของทุกคน"
และจากการที่สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้รวบรวมข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภค ผ่านเว็บไซต์ของสมาคมฯ รวมถึงข้อมูลที่ได้จากการเข้าเยี่ยมชมงานรับสร้างบ้านออนไลน์ 2020 ระหว่างวันที่ 20-31 มีนาคม 2563 ซึ่งเป็น Online Exhibition ครั้งแรก พบมี 4 อันดับแรกหลักๆ ที่ผู้บริโภคค้นหา ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องเตรียมความพร้อมรองรับ ดังนี้
อันดับแรกคือ “แบบบ้าน” แบบบ้านจะต้องมีความหลากหลาย และแบบบ้านที่มีต้องสอดรับต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนในสังคมยุคใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หรือที่เรียกว่า New normal รวมถึงชีวิตวิถีใหม่ สังคมที่ไร้การสัมผัส (Touchless Society) การใส่ใจถึงสุขอนามัย และการประหยัดพลังงานภายในบ้าน การเปลี่ยนแปลงต่างๆ เหล่านี้ผู้ประกอบการในธุรกิจรับสร้างบ้านจะต้องเกาะติด และเตรียมพร้อมเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคในตลาด
อันดับ 2 คือ ผลงานของบริษัทนั้นๆ ซึ่งนั่นสะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่าบริษัทมีความน่าเชื่อถือในด้าน “คุณภาพ” และ “มาตรฐาน” งานด้านการก่อสร้างเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมา สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านพยายามผลักดันให้สมาชิกของสมาคมฯ มีความรู้และได้รับการรับรองระบบมาตรฐาน ISO 9001:2015 เวอร์ชันใหม่ อีกทั้งยังจัดโครงการสัมมนา “Home Builder Expert” หรือ HBEX เพื่อให้ความรู้และยกระดับในการพัฒนาบริษัทรับสร้างบ้านโดยมีเป้าประสงค์ให้มีคุณภาพ และมาตรฐานให้เกิดความพึงพอใจแก่ลูกค้า
อันดับ 3 คือ “การบริการ” ที่มุ่งเน้นตั้งแต่เริ่มต้นจนการก่อสร้างเสร็จแบบครบวงจร รวมถึงการดูแลหลังการขายด้วยการรับประกันต่างๆ เช่น บางบริษัทฯ รับประกันงานโครงสร้างนาน 5-10 ปี เพื่อให้ผู้บริโภคอุ่นใจ
อันดับ 4 คือ “เวลา” เราพบว่าผู้รับเหมาก่อสร้างบ้านทั่วไปมักก่อสร้างล่าช้า บริษัทรับสร้างบ้านจะต้องพิจารณาเรื่องนี้เมื่อว่าจ้างบริษัทรับสร้างบ้านปลูกสร้างบ้านแล้วจะต้องได้บ้านตรงตามเวลาที่สัญญาไว้
ส่วนการแข่งขันของตลาดธุรกิจรับสร้างบ้าน นายวรวุฒิ ยอมรับว่า ตลาดมีการแข่งขันกันค่อนข้างมากในรูปแบบต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ของผู้บริโภค แต่อย่างไรก็ตาม ภายใต้การแข่งขันของธุรกิจที่รุนแรงนั้น สิ่งสำคัญที่บริษัทรับสร้างบ้านจะต้องให้ความสำคัญควบคู่กันไป ก็คือ การบริหารต้นทุนว่ามีส่วนใด “รั่วไหล” หรือไม่ ขณะเดียวกัน เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาททางด้านการตลาด การทำตลาดและการสื่อสารผ่านระบบออนไลน์จึงมีความสำคัญ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนการขยายสาขาเพิ่มแล้ว ยังทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านต้องปรับตัวผ่านรูปแบบการจัดงานทั้งแบบออฟไลน์ และออนไลน์ เพื่อตอบรับกับกระแสของกลุ่มลูกค้าทั้ง 2 ช่องทาง โดยกำหนดจัดงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2020 แบบออฟไลน์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-4 ตุลาคม 2563 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี อาคาร 8 ส่วน Online Exhibition ทางสมาคมฯ จะหารือกับคณะกรรมการอีกครั้งหนึ่งถึงกำหนดการจัดงานทาง Online ต่อไป