“พีดีเฮ้าส์” ดัน “ปทุมดีไซน์” เทกโอเวอร์สาขาแฟรนไชส์ เสริมแกร่งการเงิน สร้างความเชื่อมั่นลูกค้า ลุยขยายสาขา กทม.- โซนตะวันออก เผยผลงานครึ่งปีแรกโตสวนกระแสวิกฤตโควิด-19 กวาดยอดขาย 500 ล้านบาท ชี้ลูกค้าเป้าหมายวางแผนออมเงินรอปลูกสร้างบ้านไว้แล้ว หลังรัฐปลดล็อกดาวน์จึงตัดสินใจสร้างบ้านโดยไม่ต้องมีความกังวล เผยครึ่งปีหลังปรับแผนการตลาดรับกระแส New Normal มั่นใจยอดทั้งปีขายโต 20%
น.ส.ถิรพร สุวรรณสุต กรรมการบริหารสายงานการตลาด บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้บริหารสิทธิแฟรนไชส์ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ค่อนข้างสวนกระแสตลาด ขณะที่ การะบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้บริโภค จนกลายเป็น New Normal หรือ “ความปกติใหม่” ที่มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ผู้คนมีเวลาอยู่ในที่พักอาศัยและใช้เวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ดังนั้น บริษัทจึงมีการการปรับกลยุทธ์และปรับกิจกรรมทางการตลาดเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ผ่านช่องทาง Social Media หลากหลาย เช่น Google, Facebook, Youtube, Instagram, Twitter
นอกจากนี้ ในครึ่งหลังปีบริษัทฯ จะมีการปรับพอร์ตการลงทุนและสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคยิ่งขึ้น โดยจะให้บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป เข้าเทกโอเวอร์และถือหุ้นใหญ่ในกลุ่มบริษัทที่เป็นสาขาแฟรนไชส์ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านการเงิน และเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน รวมทั้งมีการเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อเดียวกัน เช่น บจก. ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป (สระบุรี), บจก. ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป (สุรินทร์), บจก. ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป (หัวหิน) เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมเปิดสาขาใหม่อีก 1 แห่งในพื้นที่โซนตะวันออกของกรุงเทพมหานคร
ด้านนายพิศาล ธรรมวิเศษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด ภายใต้แบรนด์ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจส่งผลกระทบตลาดรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีแรกบ้าง เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่ชะลอตัดสินใจปลูกสร้างบ้านออกไปก่อน เนื่องจากกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ แม้สถานการณ์จะไม่เอื้อ แต่บริษัทฯ ก็สามารถเร่งปิดตัวเลขยอดจองสร้างบ้านกว่า 250 ล้านบาท ในช่วงท้ายไตรมาส 2 หลังสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ทำให้ลูกค้าเป้าหมายที่มีการศึกษาข้อมูลล่วงหน้าและมีความพร้อมทางการเงินตัดสินใจสร้างบ้านในทันที ทำให้ยอดจองปลูกสร้างบ้านครึ่งปีแรกขยับขึ้นมาอยู่ที่ 500 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากตัวเลขยอดจองสร้างบ้านพบว่า กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงเลือกปลูกสร้างบ้านในพื้นที่ต่างจังหวัด 70% โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสานและภาคกลาง ส่วนพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีสัดส่วน 30% ด้านกลุ่มราคานั้น พบว่า บ้านในระดับราคา 4-10 ล้านบาท มีลูกค้าเลือกปลูกสร้างสูงถึง 50% รองลงมาเป็นกลุ่มบ้านระดับราคา 2-4 ล้านบาทอีก 30% และกลุ่มบ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปอีก 20%
อย่างไรก็ตาม หลังรัฐบาลทยอยปลดล็อกดาวน์ คาดว่าตัวเลขยอดจองสร้างบ้านของบริษัทฯ จะเติบโตได้อีกในช่วงไตรมาส 3 หรือครึ่งปีหลัง อันเป็นผลมาจากกำลังซื้อที่ถูกอั้นไว้ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 หรือคาดว่าน่าจะขยายตัว 10-15% เมื่อเทียบกับในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา นอกจากนี้ หากมีการเปิดสนามบินและให้ชาวต่างชาติสามารถเดินทางเข้าประเทศได้ เชื่อว่าตัวเลขยอดจองน่าจะขยับเติบโตได้ถึง 15-20% โดยตัวเลขที่เติบโตเพิ่มขึ้นจะมาจากกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งส่วนใหญ่มีเวลาศึกษาข้อมูล ดูประวัติ ดูผลงาน ดูความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ ก่อนจะตัดสินใจสร้างบ้าน