"พีดีเฮ้าส์" ยันโควิด-19 ไม่กระทบธุรกิจรับสร้างบ้าน ระบุ หลังปลดล็อกดาวน์ลูกค้ากลับมาตัดสินใจซื้อเร็ว หนุนยอดขาย 2 ไตรมาสขยายตัวสวนกระแสเติบโต 10-15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เผยโซนภาคกลางยอดขายมาแรง อีสานรองลงมา ขณะภาคเหนือและภาคใต้ยังชะลอตัว
นายพิศาล ธรรมวิเศษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจ้าของแฟนไชส์ "ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮาส์" เปิดเผยว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ รัฐบาลมีการประกาศล็อกดาวน์ จนส่งผลต่อภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในช่วงต้นปี 63 จากการชะลอการตัดสินใจสร้างบ้านออกไป สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ทางบริษัทมีการหารือถึงทิศทางการแก้ปัญหา ในกรณีที่ตลาดมีการชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทตลอดทั้งปี 63 ซึ่งจากการหารือบริษัทได้เตรียมแผนสำรองในการทำตลาดช่วงไตรมาส 2-4 ด้วยการเตรียมออกแบบบ้านใหม่ระดับราคา 1.3-1.5 หมื่นบาทต่อตารางเมตร หรือบ้านระดับราคา 2.4-2.7 ล้านบาท ซึ่งเป็นแบบบ้านไฟติ้งแบรนด์ เพื่อใช้ในการแข่งขันในช่วงครึ่งปีหลังในกรณีที่ยอดขายหดรุนแรง
"โดยในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งมีการล็อกดาวน์อยู่ พีดีเฮ้าส์ ได้เปิดตัวแบบบ้านต้านโควิด 4 แบบบ้าน ซึ่งเป็นแบบบ้านราคา 2.4-2.7 ล้านบาท เป็นแบบบ้านราคาพิเศษ ซึ่งพีดีฯ ไม่เคยทำมาก่อน เพื่อทำตลาดเฉพาะในช่วงไตรมาส 2 โดยจะสิ้นสุดในเดือน มิ.ย.นี้ และที่ผ่านมาถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าค่อนข้างมาก"
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากรัฐบาลทยอยปลดล็อกดาวน์ ในเฟสที่ 1 และ 2 สถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านได้กลับมาฟื้นตัวได้เกินความคาดหมาย หรืออาจเรียกได้ว่าสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหลักการสร้างบ้านเลย โดยในส่วนของ "พีดีเฮ้าส์" ยอดขายเติบโตกว่าในช่วงเดียวกันของปี 62 ประมาณ 10-15% ยอดขายที่ขยายตัวมากขึ้น ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากกลุ่มแบบบ้านใหม่ที่กำลังจัดแคมเปญอยู่ในขณะนี้ แต่เป็นการกลับมาซื้อของกลุ่มลูกค้าที่มีการติดต่อขอข้อมูลตั้งแต่ช่วงปลายปี 62 เพื่อวางแผนสร้างบ้านกับบริษัทฯ สะท้อนให้เห็นว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทอย่างชัดเจน
จากการวิเคราะห์ข้อมูลของกลุ่มลูกค้าที่ตัดสินใจกลับมาซื้อ และตัดสินใจปลูกสร้างบ้านกับบริษัทในช่วงที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีการศึกษาข้อมูลอย่างดีก่อนตัดสินใจสร้างบ้าน แต่เนื่องจากสถานการณ์ล็อกดาวน์ทำให้ลูกค้ารอการตัดสินใจออกไปก่อน และเมื่อรัฐบาลปลดล็อกดาวน์ ทำให้กลุ่มลูกค้ากลับมาตัดสินใจซื้อได้ในทันที อย่างไรก็ตาม แผนที่ลูกค้าตัดสินใจเลือกใช้บริการ "พีดีเฮ้าส์" ส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านที่มีแรงเป็นที่ยอมรับและมีประสบการณ์มากกว่าการตัดสินใจเลือกบริษัทรับสร้างบ้านขนาดเล็กหรือบริษัทที่เกิดใหม่ เนื่องจากมีความน่าเชื่อถือมากกว่าบริษัทขนาดเล็ก หรือผู้ให้บริการรายใหม่
"จากข้อมูลการตัดสินใจซื้อและสร้างบ้านกับ "พีดีเฮ้าส์" ของลูกค้า พบว่าโซนภาคกลางเป็นกลุ่มตลาดที่มีการขยายตัวมากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในตลาด กทม.และปริมณฑล ขณะที่กลุ่มตลาดในภาคอีสาน เป็นกลุ่มตลาดที่มีการขยายตัวรองลงมา ส่วนตลาดภาคใต้ และภาคเหนือ ยังคงชะลอตัวอยู่ โดยเฉพาะภาคเหนือ ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เนื่องจากรายได้หลักของภูมิภาคนี้ เกิดจากการท่องเที่ยวเป็นหลัก" นายพิศาล กล่าว