xs
xsm
sm
md
lg

TTW-KKP ตัวเต็งเข้า SET50 สัปดาห์หน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สัปดาห์หน้าตลาดหลักทรัพย์ประกาศหุ้นเข้า-ออก SET50-SET100 รอบครึ่งปีหลัง KKP-TTW ตัวเต็งมีลุ้นเข้า SET50 ส่วน ACE-DOHOME-RBF ได้เข้า SET100 ขณะที่ DELTA ส่อแววหลุดทั้ง 2 กระดาน ด้านโบรกฯ เชียร์ซื้อ TTW-KKP ให้ราคาเป้าหมาย 16 บาท และ 52 บาท ตามลำดับ

บล.ฟินันเซียไซรัส เปิดเผยในบทวิเคราะห์รายวันว่า ในสัปดาห์หน้า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะประกาศรายชื่อหุ้นเข้า-ออก SET50 และ SET100 รอบครึ่งปีหลัง 2563 โดยใน SET50 คาดว่า หุ้นที่เข้าคือ TTW ส่วนหุ้นที่ออกคือ DELTA

ขณะที่ SET100 คาดหุ้นที่จะเข้าได้แก่ ACE - BFIT - DOHOME - RBF ส่วนหุ้นที่ออกได้แก่ DELTA - MBK - PSL - THG

ด้าน บล.ซีจีเอส ซีไอเอ็มบี คาดว่า ตลาดจะประกาศหุ้นเข้าคำนวณ SET50/SET100 รอบครึ่งปีหลัง (ก.ค.-ธ.ค.) โดยคาดว่า KKP - TTW จะถูกเลือกเข้าไปคำนวณใน SET50 และถอด BANPU - DELTA ออก

ส่วน บล.กรุงศรี หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET 50 - SET 100 รอบใหม่ได้แก่ BPP - TTW - ACE - DOHOME - RBF - SIRI - SISB - TVO - WHAUP

หุ้นเข้า SET50 - SET100 มักมีแรงเก็งกำไรล่วงหน้า 2 สัปดาห์

นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด คาดว่าหุ้นที่จะถูกนำไปคำนวณในดัชนี SET50 รอบใหม่ ประกอบด้วย KKP และ TTW ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะถูกถอดออกคือ DELTA

ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะถูกนำไปคำนวณในดัชนี SET100 รอบใหม่ ประกอบด้วย ACE, RBF, DOHOME และ WHAUP ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะถูกถอดออกประกอบด้วย MBK, PSL และ DELTA

"หุ้นที่คาดว่าจะถูกนำไปคำนวณในดัชนี SET50 และ SET100 รอบใหม่ โดยปกติจะมีแรงซื้อเก็งกำไรล่วงหน้า 2 สัปดาห์ โดยราคาหุ้นจะขึ้นมาเพื่อขายเท่านั้น เนื่องจากขณะนี้มีปัจจัยความไม่แน่นอนของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้นักลงทุนพร้อมจะเทขายได้ทุกเมื่อ"

ด้าน บล.ฟิลลิป คาดว่า หุ้นที่จะถูกนำไปคำนวณในดัชนี SET50 รอบใหม่ ประกอบด้วย BAM, BPP และ TTW ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะถูกถอดออกจากดัชนี SET50 ประกอบด้วย BANPU, DELTA และ WHA ขณะที่หุ้นที่คาดว่าจะถูกนำไปคำนวณในดัชนี SET100 รอบใหม่ ประกอบด้วย BAM, DOHOME, RBF, SIRI, SISB, TVO และ WHAUP ด้านหุ้นที่คาดว่าจะถูกออกจากดัชนี SET100 ประกอบด้วย BGC, DELTA, ERW, MBK, PSL, STPI และ THAI

โบรกฯ แนะนำซื้อ TTW ราคาเป้าหมาย 16 บาท

บทวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุว่า หุ้น TTW เป็นหุ้น Defensive ปันผลสูงประมาณ 4%-5% ต่อปี เหมาะสำหรับพักเงินในช่วงตลาดผันผวน นอกจากนี้ TTW ยังมี sentiment บวกเนื่องจากถูกคาดการณ์ว่าจะได้ปรับเข้าคำนวณในดัชนี SET50 รอบใหม่ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลหรือรายชื่อออกมาในช่วงสัปดาห์หน้า ให้ราคาเป้าหมาย 16 บาท

โบรกฯ เชียร์ KKP มองผลประกอบการ Q2 แข็งแกร่งสุด

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี ระบุว่า KKP แนวโน้มผลประกอบการ 2Q20 น่าจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเทียบหุ้นในกลุ่มธนาคารขนาดกลาง เนื่องจากในไตรมาสนี้จะได้แรงหนุนจากผลกำไรในธุรกิจหลักทรัพย์ผ่านการถือหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์ภัทรมาชดเชย ซึ่งไตรมาสนี้ได้ประโยชน์โดยตรงจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่เพิ่มขึ้นช่วยชดเชยรายได้จากธุรกิจธนาคารที่ชะลอตัวจากดอกเบี้ยที่ลดลงและ loan growth ที่ชะลอตัว ให้ราคาเป้าหมาย 52 บาท

ด้าน บล.เคจีไอ ระบุว่า ตลาดหุ้นที่วิ่งขึ้นมาแรงทำให้ KKP มีอัปไซด์ในแง่ของการกลับรายการผลขาดทุนจากการลงทุนระยะยาว กำไรจากการลงทุนระยะสั้น ความเสี่ยงจากการลดทุนน้อยลง และรายได้จากค่าธรรมเนียม AM เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ การที่ตลาดหุ้นลดลงแรงใน 1Q63 ทำให้ KKP มีผลขาดทุนจากการลงทุนประมาณ 284 ล้านบาท (รวมผลขาดทุนจากการลงทุนที่ยังไม่รับรู้ประมาณ 840 ล้านบาทในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ (comprehensive income statement) และกำไรจากการค้าหลักทรัพย์ และอนุพันธ์ 527 ล้านบาท ในกำไรขาดทุน) คาดว่าตลาดหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นมาจะทำให้ธนาคารสามารถพลิกกลับรายการผลขาดทุนจากการลงทุนที่ยังไม่รับรู้ (ส่วนใหญ่จากการลงทุนในหุ้น) ซี่งจะหนุนให้เงินกองทุนขั้นที่ 1 เพิ่มขึ้นประมาณ 0.4-0.5% และยังรักษานโยบายการจ่ายเงินปันผลเอาไว้ได้

ปรับประมาณการกำไรปี 2563/64 เพื่อสะท้อนถึง 1) การปลดส่วนรองรับหนี้เสียส่วนเกิน 1.88 พันล้านบาทกลับมาเป็นรายได้ โดยทยอยรับรู้ 5 ปีในจำนวนปีละเท่าๆ กัน ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นปีละ 7-8% 2) การปรับเพิ่มประมาณการรายได้จากตลาดทุนขึ้นอีก 10% 3) การปรับเพิ่มผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมาเป็น 1.75 พันล้านบาทในปี 2563F และ 1.1 พันล้านบาทในปี 2564F (จากเดิมที่ 1.45 พันลบ./800 ล้านบาท) ทั้งนี้ เมื่อใช้ P/E ที่ 10.5x และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายในอีก 12 เดือนข้างหน้า ทำให้เราได้ราคาเป้าหมายปี 2563F ใหม่ที่ 64 บาท (จากเดิม 46 บาท) เราจึงปรับคำแนะนำจากถือเป็นซื้อ


กำลังโหลดความคิดเห็น