บลจ.พรินซิเพิลมองหุ้นไทยยังน่าลงทุนหลังสถานการณ์โาควิดดีขึ้น-ผ่อนคลายเฟส 4 แม้ SET Index ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามหุ้นไทยยังคงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อการออมเงินในระยะยาว
นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.พรินซิเพิล เปิดเผยว่า จากการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน โดยดัชนี SET Index ในช่วงต้นเดือน มิ.ย. 2563 ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,400 จุด จากที่ลงไปทำจุดต่ำสุดในเดือนมีนาคม 2563 (13 มีนาคม 2563) ที่ผ่านมาที่ 969.08 จุด หลังจากประเทศไทยสามารถแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ได้อย่างดี และมีการทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ให้กิจการต่างๆ กลับมาเปิดดำเนินการได้มากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนลดลงเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในไทยและบางประเทศเข้าสู่ระดับที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ และเริ่มเห็นการเปิดดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น สำหรับประเทศไทยคาดว่าภาครัฐจะพิจารณาผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ระยะที่ 4 ในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้ และเตรียมออกมาตรการต่างๆ เพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภคและการท่องเที่ยวภายในประเทศ เช่น การปลดล็อกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้, การเสนอมาตรการแจกคูปองส่วนลดที่พักและแพกเกจไทยเที่ยวไทย, การนำค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวในประเทศไปลดหย่อนภาษีเงินได้ ฯลฯ
ขณะที่ปัจจัยสนับสนุนจากภายนอกประเทศ คือความคาดหวังว่าเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐฯ สามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาดไว้ โดยการใช้นโยบาย QE อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ การประกาศตัวเลขจ้างงานของสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาถือว่าดีกว่าคาดการณ์ โดยมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นกว่า 2 ล้านตำแหน่ง ตลอดจนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) รอบล่าสุด หลังจากก่อนหน้านี้ FED ได้ออกมาตรการสนับสนุนด้านการเงินไปมากแล้ว
นายจุมพลกล่าวว่า แม้ SET Index ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามหุ้นไทยยังคงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อการออมเงินในระยะยาว โดยสามารถเลือกลงทุนผ่านกองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ หรือ Super Savings Fund Extra Class (SSFX) ซึ่งสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 เท่านั้นเพื่อรับสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้เพิ่มเติมในปีนี้ (ไม่รวมกับวงเงินซื้อหน่วยลงทุนกองทุนเพื่อการออม หรือ SSF แบบปกติ)
นับตั้งแต่ที่ บลจ.พรินซิเพิลเปิดเสนอขายกองทุน กองทุนเปิดพรินซิเพิล เซ็ท 50 อินเด็กซ์เพื่อการออม ชนิดเพื่อการออมพิเศษ Super Savings Fund Extra Class (PRINCIPAL SET50SSF-SSFX) กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี โดยนับจากจดทะเบียนจัดตั้งกองทุนฯ 14 เมษายน ถึง 5 มิถุนายน 2563 ให้อัตราผลตอบแทน 7.31% SET50 TRI Index 100% ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานชี้วัด มีอัตราผลตอบแทน 7.74%
"ในเดือนมิถุนายนนี้กองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ SSFX จะสิ้นสุดระยะเวลาซื้อหน่วยลงทุนภายในสิ้นเดือนนี้ ดังนั้น ถือเป็นช่วงเวลาที่ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพื่อการออมเงินในระยะยาวแล้ว ผู้ลงทุนได้รับประโยชน์จากทั้งการลงทุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้เต็มสิทธิสูงถึง 200,000 บาทหรือตามจำนวนเงินลงทุนของผู้ลงทุน ซึ่งถือว่ามีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมและยังได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้เพิ่มเติม" นายจุมพลกล่าว