จากวิกฤตการณ์ COVID-19 ที่ดำเนินมาตั้งแต่ต้นปี และประเด็นต่างๆ ในแวดวงการเมืองและธุรกิจที่เกิดขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกเกิดความผันผวนอย่างหนัก ทำให้ทั้งภาคการผลิตและภาคบริโภคชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด ไม่เว้นแม้แต่ตลาดหุ้นไทยที่ปรับฐานอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนจำนวนมากยังคงเกาะติดข่าวสารอย่างใกล้ชิด และอาจยังมีมุมมองที่เป็นไปอย่างระมัดระวังสำหรับการเข้าลงทุนในช่วงนี้ แต่ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน หากเรามองหาด้านบวกของสิ่งที่เกิดขึ้น จะพบว่าตอนนี้อาจถือเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนที่สามารถทยอยเข้าซื้อสะสมหุ้นเข้าสู่พอร์ตในระดับราคาที่ปรับตัวลง และมีโอกาสที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีสำหรับการลงทุนในระยะยาวได้
อย่างที่นักลงทุนทราบดีว่า ตั้งแต่ในช่วงต้นปีหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการออกกองทุนรวมเพื่อการออมเข้ามาทดแทนกองทุนประเภท LTF เพื่อใช้ในการลดหย่อนภาษี ซึ่งเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมากองทุน Super Saving Fund Extra (SSFX) ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยได้รับความร่วมมือจากกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อวัตถุประสงค์หลักในการช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดทุนไทย ซึ่งก่อนหน้านี้จะเห็นได้ว่าราคาดัชนีในตลาดมีการปรับตัวลงมาก จนทำให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ต้องประกาศใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์กับตลาดหุ้นไทยหลังจากที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นระยะเวลาหลายปี ซึ่งการลงทุนในกองทุน SSFX ช่วยให้มีเม็ดเงินไหลกลับเข้าสู่ตลาดทุนไทยมากขึ้น หลังจากที่ตลาดได้เผชิญความผันผวนอย่างหนักในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
นโยบายการลงทุนของกองทุน SSFX มีความคล้ายคลึงกับกองทุน LTF ซึ่งจะต้องมีการลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไทยไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ
สำหรับเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ในการใช้ซื้อเพื่อประโยชน์ทางภาษี สรุปคือ สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้สูงสุดที่ 200,000 บาท โดยไม่มีการจำกัดเพดานสิทธิลดหย่อนที่คำนวณจากร้อยละของรายได้ รวมถึงไม่ต้องนำไปรวมกับเพดานของการใช้สิทธิการลดหย่อนภาษีจากกองทุนอื่นๆ หรือเปรียบได้ว่าเป็นวงเงินพิเศษที่เพิ่มเติมมาเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ตรงๆ ทั้งก้อน อย่างไรก็ดี นักลงทุนมีเงื่อนไขที่จะต้องถือครองจนครบ 10 ปีบริบูรณ์นับจากวันที่ซื้อหน่วยลงทุน แต่ไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี โดยสามารถซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-30 มิถุนายน 2563 นี้เท่านั้น
นอกจากจะช่วยลดภาระด้านภาษีแก่ผู้มีรายได้แล้ว การลงทุนในกองทุน SSFX ยังถือเป็นการออมบวกการลงทุนที่ดีในระยะยาว อย่างที่กล่าวไปข้างต้น กองทุนนี้ได้ออกมาเสนอขายในเพียงช่วงระยะเวลาเดียวเท่านั้น และด้วยสิทธิประโยชน์ภาษีที่น่าสนใจ จึงถือเป็นโอกาสพิเศษที่ทำให้นักลงทุนสามารถใช้ลดหย่อนได้เพิ่มเติมได้จากเกณฑ์ปกติ
ช่วงนี้เองถือเป็นโค้งสุดท้ายกับการลงทุนผ่านกองทุน SSFX ซึ่งกำลังจะหมดลงในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ทั้งนี้เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีในปี 2563 ตัวเลือกของกองทุน SSFX ที่หลากหลายผ่านการคัดสรรในแต่ละบลจ.ชั้นนำมาแล้ว ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ขอทิ้งท้ายไว้ว่า วินัยในการออมถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คนเรามีความมั่นคงอย่างยั่งยืน เราจึงไม่ควรพลาดโอกาสพิเศษในครั้งนี้ เพราะนอกจากประโยชน์จากการลดหย่อนทางภาษีแล้ว ยังถือเป็นโอกาสในการออมเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้เราอีกด้วย
โดย คุณณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด