เผยแนวโน้มอุตสาหกรรมก่อสร้างปี 63 หดตัวต่อเนื่อง คาดทั้งปีตลาดรวมหดตัว 30-40% เหตุบริษัทอสังหาฯ ชะลอแผนก่อสร้าง ลงทุนโครงการใหม่ หลังโควิด-19 ฉุดความเชื่อมั่น กำลังซื้อ "แสงฟ้า" ขยับรับงานรัฐเพิ่ม หลังงานภาคเอกชนหดตัว ย้ำปี 63 รักษาแบ็กล็อกระดับเดิม 10,000 ล้านบาท พร้อมคงเป้ารายได้ 8,000 ล้านบบาท แม้ตลาดแย่
นายแพทย์เชิดศักดิ์ อัมพรสุขสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดอุตสาหกรรมก่อสร้าง ณ ปัจจุบัน ยังคงมีแนวโน้มหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปลายปี 62 โดยสัญญาณการหดตัวของ ภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง เริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาหลังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าจีนและสหรัฐอเมริกา ต่อเนื่องมาถึงการออกมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ (LTV) ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในประเทศ ส่งผลต่อความเชื่อมั่น และแผนการลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมของผู้ประกอบการอสังหาริททรัพย์ โดยเฉพาะในช่วงต้นปี 63 หลังเกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยิ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ชะลอการพัฒนาโครงการใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีผลให้ตลาดก่อสร้างปรับตัวลดลงกว่า 30-40%
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วงต้นปี 63 บริษัท อสังหาฯ มีการชะลอการลงทุนโครงการใหม่ แต่ในส่วนของกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างยังคงมีงานอยู่ในมืออย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการที่มีการประมูลงานไปในช่วงปลายปี 62 ทำให้ในช่วงต้นปีนี้ บริษัทก่อสร้างยังคงมีสต๊อกงานเก่าให้ทำอยู่ ส่วนผลกระทบจากการชะลอการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ของบริษัทอสังหาฯ จะเริ่มส่งผลให้จำนวนงานก่อสร้างลดลงอย่างชัดเจน ในช่วงกลางปีนี้เป็นต้นไป จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้บริษัทก่อสร้างต้องมีการปรับตัวในช่วงครึ่งหลังปี 63 มากขึ้น
"แม้ว่าในช่วงต้นปีงานก่อสร้างของภาคเอกชนจะลดลง แต่ภาครัฐก็พยายามผลักดันโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เช่น งานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟความเร็วสูง ซึ่งมีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก คาดว่าจะมีการเปิดประมูลในเร็วๆ นี้ ซึ่งการผลักดันโครงการใหม่ๆ ของภาครัฐ จะส่งผลให้ อุตสาหกรรมก่อสร้างยังคงมีงานเข้าสู่ระบบ"
ทั้งนี้ ในส่วนของ "แสงฟ้า" ซึ่งมีสัดส่วนงานก่อสร้างจากภาคเอกชนกว่า 80% จะเริ่มขยายตลาดเข้าไปรับงานก่อสร้างภาครัฐให้มากขึ้น โดยก่อนหน้านี้ บริษัทชนะประมูลงานก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่ธนาคารออมสิน ทำให้มีพอร์ตงานก่อสร้างโครงการภาครัฐเพิ่มเข้ามาบ้าง ขณะเดียวกัน ก็พยายามจะรักษาพอร์ตงานก่อสร้างของภาคเอกชนไว้ให้ได้มากที่สุด โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะรักษาแบ็กล็อกงานก่อสร้างในมือไว้ที่ระดับ 10,000 ล้านบาท และมีรายได้อยู่ที่ 8,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปี 62 ที่ผ่านมา โดยนับจากไตรมาส 2 เป็นต้นไปถึงสิ้นปี บริษัทจะทยอยรับรู้รายได้ตามงวดงานก่อสร้างเข้ามาเพิ่มประมาณ 5,000 ล้านบาท
นายแพทย์เชิดศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการคอนโดมิเนียม เพื่อขายในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ขณะนี้งานก่อสร้างเสร็จสิ้น 100% แล้ว และอยู่ระหว่างทำการตลาด แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ยังส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อ และตลาดโดยรวม ทำให้ด้านยอดขายห้องชุดในโครงการทรงตัวอยู่ที่ 40% จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้บริษัทเตรียมปรับ แผนการทำตลาดใหม่อีกครั้งหนึ่งหลังจาก สถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้น
