อุตสาหกรรมเหล็กไทยครึ่งปีหลังแนวโน้มยังถดถอยต่อเนื่อง หลังเผชิญผลกระทบโควิด-19 ฉุดโครงการเอกชนหายวับ ต้องรอลุ้นโครงการรัฐชี้ชะตาและมาตรการรัฐกำหนดให้ใช้สินค้าเหล็กที่ผลิตในประเทศเป็นหลักเพื่อทางรอดมากสุด ขณะที่เหล็กนอกโดยเฉพาะจากจีน 100 ล้านตันจ่อทะลักเข้ามาอื้อซึ่งเริ่มทยอยมาแล้ว
นายกรกฎ ผดุงจิตต์ เลขาธิการกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจเหล็กครึ่งปีหลังของปี 2563 มีแนวโน้มที่จะถดถอยมากขึ้นเนื่องจากโครงการก่อสร้างเก่าจะค่อยๆทยอยจบลง ขณะที่โครงการใหม่ๆ ในส่วนของภาคเอกชนแทบไม่มีเพราะผลกระทบจากโควิด-19 ที่ฉุดกำลังซื้อลดลงอย่างหนักทั้งโครงการบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม โรงงาน เป็นต้น ดังนั้นจึงต้องรอลุ้นโครงการจากภาครัฐว่าจะมีเม็ดเงินงบประมาณในการขับเคลื่อนมากน้อยเพียงใดและรวมถึงมาตรการที่จะส่งเสริมการใช้เหล็กในประเทศ(Local Content) เป็นสำคัญ
“ธุรกิจเหล็กครึ่งปีหลังแนวโน้มความต้องการจะลดลงต่อเนื่องแต่จะมากน้อยเพียงใดก็คงจะต้องมาดูโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะเกิดขึ้นเป็นสำคัญซึ่งคงไม่สามารถอาศัยโครงการจากภาคเอกชนได้เพราะกำลังซื้อภาพรวมที่ถดถอยทำให้การลงทุนใหม่ๆ คงจะเกิดขึ้นได้ยาก” นายกรกตกล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สิ่งที่กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กต้องติดตามใกล้ชิด คือ การนำเข้าสินค้าเหล็กจากต่างประเทศโดยเฉพาะจากจีนมาไทยตัวอย่างล่าสุดเดือน เม.ย. ไทยนำเขาเหล็กเคลือบอะลูมิเนียมสังกะสีทาสี (PPGL) จากจีนเพิ่มขึ้นจากเดือน มี.ค. 63 สูงถึง 80% จึงเป็นสิ่งที่น่าติดตามเนื่องจากมีการประเมินว่าสินค้าเหล็กของจีนที่มีล้นสต็อกนับ 100 ล้านตันเพราะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ได้หาทางระบายมายังตลาดอาเซียนและหนึ่งในประเทศเป้าหมายคือไทย
ทั้งนี้ ปี 2562 ไทยนำเข้าเหล็กโดยรวมถึง 12 ล้านตัน ผลิตในประเทศ 7 ล้านตัน และส่งออก 1 ล้านตัน ชี้ให้เห็นว่าการบริโภคเหล็กในประเทศปีที่ผ่านมามีปริมาณเท่ากับ 18 ล้านตันนั้นเป็นการใช้เหล็กในประเทศที่มีส่วนแบ่งของการนำเข้าถึง 2 ใน 3 ส่วน ขณะที่ส่วนแบ่งที่เหลือ 1 ใน 3 เป็นของฝ่ายผู้ผลิตในประเทศเท่านั้นและแนวโน้มสัดส่วนการใช้ในประเทศจะลดลงมากขึ้นจากการเริ่มมีการนำเข้าที่สูงต่อเนื่องในปีนี้
นายชัยเฉลิม บุญญานุวัตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ การตลาดและการขาย บมจ.ทาทา สตีล (ประเทศไทย) และในฐานะอุปนายกสมาคมผู้ผลิตเหล็กทรงยาวด้วยเตาอาร์คไฟฟ้า กล่าวว่า หลังจากที่ 7 สมาคมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กไทยได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไปเมื่อ 28 เม.ย.ที่ผ่านมาเพื่อให้พิจารณาแนวทางการช่วยเหลืออุตสาหกรรมเหล็กในประเทศล่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายจากนายกฯ ได้หารือร่วมกับกรมบัญชีกลางเพื่อพิจารณากำหนดเงื่อนไขใน TOR ให้ใช้สินค้าเหล็กที่ผลิตในประเทศ (Local Content) โดยเอกชนได้ติดตามใกล้ชิดเพราะนี่คือทางรอดที่สำคัญ
“หนึ่งในข้อเสนอของ 7 สมาคม คือ การส่งเสริมการใช้สินค้าเหล็กในประเทศที่ผู้ประกอบการสามารถผลิต และจำหน่ายให้กับงานโครงการของรัฐได้ โดยการให้แต้มต่อ 3-7% กับผู้ผลิตที่ได้รับการรับรองคุณภาพตาม มอก. และกำหนดสัดส่วนการใช้สินค้าเหล็กและเหล็กกล้าที่ผลิตได้ภายในประเทศ (Local Content) 90% เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเหล็กทั้งห่วงโซ่การผลิต เนื่องจากเราได้ประเมินแล้วว่าเหล็กไม่เพียงจากจีนเท่านั้น จากที่อื่นๆจะทะลักเข้ามาไทยแน่นอนเพราะผลกระทบโควิด-19 ทำให้การผลิตเหลือและที่ผ่านมาไทยเองก็เป็นผู้นำเข้าเหล็กเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ และผู้ผลิตเหล็กในประเทศขณะนี้ใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยเพียง 40% เท่านั้นหากสามารถหนุนใช้เหล็กไทยได้การจ้างงานก็จะเกิดขึ้นและเงินก็จะหมุนเวียนในประเทศ” นายชัยเฉลิมกล่าว