xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นพุ่งฉีกตำรานักวิเคราะห์ / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เคยรวบรวมประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นปลายปีนี้จากโบรกเกอร์สำนักต่างๆ โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 1,400 จุด แต่ ดัชนีหุ้นได้พุ่งทะยานทะลุเป้าหมายไปแล้ว ทั้งที่ยังไม่จบครึ่งปีแรก

ดัชนีหุ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดที่ 1,435.70 จุด สร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบนี้ และเป็นการวิ่งมาราธอนมากกว่า 2 เดือน นับจากลงไปต่ำสุดที่ระดับ 969 จุด ระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา

ตลาดหุ้นทำลายทุกแนวต้าน และวิ่งมาไกลเกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์โบรกเกอร์แทบทุกสำนัก ซึ่งก่อนหน้าไม่มีใครคิดว่า ครึ่งปีแรกดัชนีหุ้นจะตีฝ่า 1,400 จุดขึ้นมาได้

ตั้งแต่ดัชนีระดับ 1,300 จุดแล้ว นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ส่วนใหญ่แนะนำให้นักลงทุนลดความเสี่ยงตลอด เชียร์ให้ขายทำกำไร เพราะไม่มีปัจจัยสนับสนุนให้หุ้นปรับตัวขึ้นต่อ ขณะที่มีปัจจัยลบจากวิกฤตเชื้อไวรัสโควิด-19 สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ทำท่าจะปะทุขึ้น และการจลาจลในสหรัฐฯ

นอกจากนั้น ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาสแรกยังทรุดหนัก และคาดว่า ไตรมาสที่ 2 ปี 63 มีแนวโน้มจะทรุดหนักกว่า

ไม่มีเหตุผลที่หุ้นจะพุ่งขึ้นได้ แต่หุ้นก็ฉีกคำทำนายของนักวิเคราะห์ วิ่งไม่รู้จักเหนื่อย และมีแนวโน้มที่จะทำลายสถิติสูงสุดใหม่ในรอบนี้ต่อไป โดยแนวต้านระดับ 1,450 จุดอาจหยุดไม่อยู่ จนมองกันไปไกลถึงระดับ 1,500 จุดแล้ว

นักลงทุนรายย่อยทยอยขายหุ้นทำกำไรมาต่อเนื่อง ตามคำแนะนำของนักวิเคราะห์หุ้น แต่ กลับเป็นการขายหมูเพราะขายแล้วหุ้นวิ่งต่อ

นักลงทุนต่างชาติกลายเป็น “กองหนุน” สำคัญ โดยซื้อ 5 วันติดต่อ รวมซื้อสุทธิสะสมกว่า 1,100 ล้านบาท และกลับเข้ามาไล่ซื้อหุ้นในช่วงที่แรงซื้อจากกลุ่มนักลงทุนภายในประเทศเริ่มแผ่ว ผลักดันให้ดัชนีวิ่งฉิว ตามดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ไปติดๆ

ก่อนเกิดวิกฤต “โควิด-19” ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้นทะลุ 29,000 จุดเศษ ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยยืนอยู่ที่จุดสูงสุดในปีนี้ที่ระดับ 1,600 จุด แต่ดาวโจนส์ขึ้นมายืนเหนือ 27,000 แล้ว ลดลงจากจุดสูงสุดก่อน “โควิด-19” เพียงประมาณ 7% ส่วน ดัชนีหุ้นไทยปัจจุบัน ลดลงจากจุดต่ำสุดเพียงประมาณ 10% เท่านั้น จึงถือว่าตลาดหุ้นไทยฟื้นขึ้นมาเยอะ

ทำไมตลาดหุ้นรอบ 2 เดือนเศษที่ผ่านมาจึงร้อนแรงนัก ทำไมจึงไม่พักปรับฐาน คงจะหาเหตุผลในเชิงรูปธรรมมาอธิบายได้ลำบาก เพราะเศรษฐกิจยังฟุบหนัก กำลังซื้อดับวูบ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนยังไม่ดี ดัชนีหุ้นจึงไม่ควรมาไกลถึงระดับแนวต้านระดับ 1,450 จุดได้

ทำไมตลาดหุ้นจึงร่วงหนัก ทำไมตลาดหุ้นจึงขึ้นแรง บางครั้งไม่มีเหตุผลอธิบายเหมือนกัน เช่นเดียวกับครั้งนี้ แม้แต่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่มีประสบการณ์มายาวนานยังทำนายพลาด ไม่คาดว่า ดัชนีหุ้นจะข้ามผ่าน 1,400 จุดมาได้ จนไม่กล้าทำนายแล้วว่า แนวโน้มตลาดหุ้นหลังจากนี้จะไปยังไงต่อ

แม้แต่สหรัฐฯ ซึ่งถูกไวรัสโควิด-19 เล่นงานเสียงอมพระราม แถมยังเกิดจลาจลซ้ำเติม ตลาดหุ้นน่าจะพัง แต่ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์กลับวิ่งหูดับตับไหม้ และฉุดให้ตลาดหุ้นไทยวิ่งฉิวตาม

ยามหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้น เอาช้างมาฉุดก็ยังไม่หยุด เหมือนในรอบนี้ ซึ่งดัชนีน่าจะหยุดพักแถวๆ 1,300 จุดแล้ว แต่ไม่ยอมหยุด และวิ่งเลยมาอีกกว่า 10 จุด

โจทย์สำคัญของนักลงทุนนับจากนี้คือ ดัชนีหุ้นจะ "เครื่องดับ" พักปรับฐาน หรือพุ่งทะยานต่อจนฝ่าด่านสำคัญที่ระดับ 1,500 จุด

แมลงเม่ากำลังสับสน กลัวความสูงก็กลัว กลัวขายหมูก็กลัว ไม่รู้จะวางกลยุทธ์การลงทุนอย่างไรในภาวะตลาดหุ้นที่ขึ้นอย่างบ้าคลั่ง






กำลังโหลดความคิดเห็น