xs
xsm
sm
md
lg

บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี สุดฮอต! ลุยประมูลงานใหม่มูลค่า 1.6 หมื่นล้าน ดัน backlog พุ่งทะลุ 4.2 พันล้านแตะนิวไฮรอบ 5 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



BJCHI เดินหน้าประมูลงานใหม่มูลค่ากว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ช่วยเพิ่มปริมาณงานในมือรอรับรู้รายได้พุ่งทะลุ 4.2 พันล้านบาท ทุบสถิตินิวไฮรอบ 5 ปีต่อเนื่อง ฟาก "หยัง เจิน ลี" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุวิกฤตโควิด-19 ทำให้ลูกค้าให้ความสนใจว่าจ้างบริษัทนอกประเทศจีนมากขึ้น ทำให้มีโอกาสได้งานเพิ่ม มั่นใจช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานในปี 2563 เติบโตโดดเด่น

นายหยัง เจิน ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ BJCHI เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เดินหน้าเข้าร่วมประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่องคิดเป็นมูลค่ารวม 1.6 หมื่นล้านบาท ขณะที่สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ยังดำเนินต่อไป รวมทั้งวิกฤตไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาด ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้พัฒนาโครงการจำนวนมากมองหาบริษัทแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็กที่อยู่นอกประเทศจีนมากขึ้น แต่รวมไปถึงการสร้างห่วงโซ่อุปทานแห่งใหม่ โดยลดการพึ่งพาผู้ประกอบการจากประเทศจีน สถานการณ์ดังกล่าวเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสให้แก่บริษัทในการเข้าไปรับงานมากขึ้น ผลักดันการเติบโตได้เป็นอย่างดี

"ตอนนี้บริษัทฯ มีงานในมือรอรับรู้รายได้ (backlog) อยู่ที่ 4.2 พันล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 ปี ทำให้เชื่อว่า ผลประกอบการในปี 2563 จะฟื้นตัวอย่างโดดเด่นต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลก แต่บริษัทยังคงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าให้ดำเนินโครงการใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้าหลายรายต้องการมองหาบริษัทแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็กที่สามารถเป็นคู่ค้ากันในระยะยาว ดังนั้น จึงเชื่อว่าบริษัทฯ มีโอกาสสูงที่จะได้รับงานเพิ่มเติมในอนาคต"


ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวอีกว่า ขณะที่ในปัจจุบันแม้ว่าราคาน้ำมันได้ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ แต่ด้วยศักยภาพและประสบการณ์ในการดำเนินโครงการให้แก่ลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม บริษัทยังได้รับเชิญให้เข้าไปร่วมประมูลโครงการต่างๆ ในอุตสาหกรรมอื่น เช่น อุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน อุตสาหกรรมก๊าซ รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการดำเนินโครงการที่หลากหลายให้แก่ลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ อันจะสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 1/2563 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 108.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 3.1 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 872.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120.3% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวมอยู่ที่ 396.1 ล้านบาท

สาเหตุที่ผลประกอบการที่เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัททยอยรับรู้รายได้จากงานโครงการในมืออย่างต่อเนื่อง ขณะที่ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงในไตรมาส 1/2563 ส่งผลให้บริษัทมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยนอีกด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น