บล.โกลเบล็กวางกรอบดัชนีไว้ที่ระดับ 1,270-1,320 จุด แนะดัก 5 หุ้นเด่น WICE-TASCO-CPF-HMPRO-DOHOME ที่มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ดี พร้อมแนะจับตาการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศที่อาจส่งผลตัวแปรด้านการลงทุน ขณะที่หุ้นที่จะเข้าคำนวณ MSCI ได้แก่ AWC-BAM-KTC มีผล 29 พ.ค.นี้
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินสถานการณ์ทิศทางการลงทุนในขณะนี้ว่า จากปัจจัยบวกราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากหลายประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ประกาศปรับลดการผลิตน้ำมัน การผลิตในสหรัฐฯ ลดลง และคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้นหลังหลายประเทศทั่วโลกผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยดีขึ้นเป็นลำดับ โดยเห็นได้จากรายงานยอดผู้ติดเชื้อคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น จนส่งผลให้มีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 2 ขณะเดียวกัน ที่สหรัฐฯ มีข่าวคืบหน้าเรื่องผลการทดลองฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในคน หนุนตลาดหุ้นทั่วโลกปรับขึ้น
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบ 1,270-1,320 จุด แม้จะมีแรงหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เฟส 2 และราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องก็ตาม แต่ทั้งนี้นักลงทุนยังคงจับตาจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่หลังคลายล็อกดาวน์เฟส 2 อย่างใกล้ชิด
พร้อมทั้งยังแนะนำให้จับตาการเปิดเผยตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและต่างประเทศที่อาจเข้ามาเป็นตัวแปรหลักในการลงทุน โดยในวันที่ 19 พ.ค.ญี่ปุ่นเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมของเดือน มี.ค. ขณะที่อียูเตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจประจำเดือน พ.ค. อีกทั้งสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างของเดือน เม.ย.
ส่วนในวันที่ 20 พ.ค. จับตาการกำหนดประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 3/2563 และญี่ปุ่นเปิดเผยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรของเดือน มี.ค. ขณะที่ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ประจำเดือน พ.ค. ตามด้วยอียูเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน เม.ย.
นอกจากนี้ กรณีสหรัฐฯ เปิดเผยสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในช่วงเช้าวันที่ 21 พ.ค. เปิดเผยรายงานการประชุมเมื่อวันที่ 28-29 เม.ย. รวมถึง การเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตเดือน พ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือน พ.ค.จากมาร์กิต ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือน เม.ย.จาก Conference Board ขณะที่ญี่ปุ่นเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน เม.ย. และอียูเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือน พ.ค. ในวันที่ 22 พ.ค.
ด้าน นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวเพิ่มเติมถึงกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ โดยแนะจับตา 5 หุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ดี ได้แก่ หุ้น WICE โดยมองว่าไตรมาส 2/63 เป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจ ประกอบกับตลาดประเทศจีนมีแนวโน้มของปริมาณงานสูงหลังปลด Lockdown, หุ้น TASCO โดยมองว่ายอดขายยางมะตอยไตรมาส 2/63 จะฟื้นตัวจากความต้องการใช้ยางมะตอยที่เพิ่มสูงขึ้น ตามการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี, หุ้น CPF มองว่าราคาหมู-ไก่ปรับดีขึ้นจากซัปพลายที่หายไป ขณะที่ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ลดลง, หุ้น HMPRO มองว่าปัจจัยพื้นฐานระยะยาวมีโอกาสเติบโตของยอดขายจากการขายผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงไลฟ์สไตล์ในการปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้เหมาะกับ WFH, หุ้น DOHOME มองว่าเทรนด์การซ่อมแซมและปรับปรุงที่อยู่อาศัยส่งผลดีต่อยอดขายกลุ่มสินค้าซ่อมแซม และตกแต่ง รวมถึงการพัฒนา house brand ซึ่งมีมาร์จิ้นสูงปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ในระดับที่สูง 16% ของยอดขาย ส่งผลให้บริษัทจะสามารถรักษา Gross margin อยู่ระดับสูงได้ นอกจากนี้ ยังแนะนำหุ้นที่จะเข้าคำนวณ MSCI Global Standard ได้แก่ AWC-BAM-KTC มีผล 29 พ.ค.นี้
ขณะที่ราคาทองคำ ทางฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อในสัปดาห์นี้ โดยมีแนวต้านที่ 1,780-1800 $/Oz หรือ 27,030-27,360 บาทต่อบาททองคำเป็นแนวต้านสำคัญ และมีแนวรับที่ 1,730-1,740 $/Oz หรือ 26,190-26,360 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการเข้าซื้อของกองทุน SPDR ต่อเนื่อง ส่งผลให้ถือสถานะที่ 1,114 ตัน ซึ่งสูงสุดในรอบ 8 ปี ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีกองทุน SPDR เข้าซื้อทองคำแล้วกว่า 218.5 ตัน อีกทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากผลกระทบของ COVID-19 ช้ากว่าที่คาด ทำให้นักลงทุนหันมาซื้อทองคำเพื่อลดความเสี่ยง