เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่นกำไรไตรมาสแรกปีนี้โตต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 30.61% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อานิสงส์ทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ และส่งมอบงานตามกำหนดทั้งภาครัฐ-เอกชน บอร์ดฯ อนุมัติตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทฯ กับบริษัท ซูเพิร์บ คอมพ์ จำกัด เพื่อเข้าร่วมประมูลในโครงการขนาดใหญ่ หนุนผลประกอบการปี 63 โต 15-20% ตามแผน
นายบุญสม กิจเกษตรสถาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TPS เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/63 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563) บริษัทฯ มีรายได้รวม 158.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.20 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10.64% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 142.85 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.61% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8.93 ล้านบาท เนื่องจากรายได้และกำไรของบริษัทฯ ในไตรมาส 1/63 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ต้นปีนี้จากงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่มีกว่า 458.80 ล้านบาทในช่วงปลายปี 2562 โดยการส่งมอบงานให้แก่ภาครัฐและเอกชนได้ตามกำหนด พร้อมกับสามารถปิดดีลกับลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น
“รายได้และกำไรของผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกปีนี้มีการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ สามารถส่งมอบงานทั้งภาครัฐและเอกชนได้ตามกำหนด และมีการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดี โดยปัจจุบันบริษัทฯ ยังมี Backlog อยู่ในมือ 415 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากงานที่เหลือไม่เกินไตรมาส 4 ปีนี้ และบริษัทฯ ยังเดินหน้าเข้าประมูลงานใหญ่ๆ อย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าจะช่วยหนุนรายได้ในปีนี้ให้เติบโตตามเป้า 15-20%” นายบุญสมกล่าว
สำหรับสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ มาจากรายได้ธุรกิจจำหน่ายและวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 110.44 ล้านบาท รายได้จากการให้บริการดูแลและบำรุงรักษาระบบภายหลังการขาย 42.32 ล้านบาท และรายได้จากงานให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นๆ 5.29 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ 0.65 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 3/2563 เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมามีมติอนุมัติการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทฯ กับบริษัท ซูเพิร์บ คอมพ์ จำกัด เพื่อเข้าร่วมประมูลในโครงการขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยมีทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท ซึ่ง TPS ถือหุ้นในสัดส่วน 50% บริษัทฯ คาดว่าจะลงนามในสัญญาร่วมทุนภายใน 30 วันนับแต่มีมติจากคณะกรรมการบริษัท
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2563 ยังมีทิศทางที่ดี แม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ตาม เนื่องจากองค์กรต่างๆ มีการปรับตัวในการทำงานด้วยการ Work From Home มีการใช้ระบบประชุมทางไกล (Video Conference) และการทำงานจากที่บ้านผ่านระบบ VPN (virtual private network) เพิ่มมากขึ้น ซึ่งมองว่าเป็นโอกาสที่ดี เนื่องจากบริษัทฯ มีความพร้อมในการติดตั้ง ปรับปรุงระบบและให้บริการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศอยู่แล้ว คาดว่าจะเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ คาดการณ์สัดส่วนรายได้จากภาครัฐ 40% ภาคเอกชน 60%