ESTAR เปิดแผนปี 63 เดินหน้าเปิดตัวโปรเจกต์ใหม่รวม 5 โครงการแนวสูงในกรุงเทพฯ 3 โครงการภายใต้แบรนด์ “ควินทารา” เรือธงหลัก ส่วนแนวราบเปิดตัวในระยอง 2 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท
ดร.ต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR กล่าวว่า ในปี 63 นี้ บริษัทมีแผนจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ 4-5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 6,000 ล้านบาท โดยจะมีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯ 2-3 โครงการ ซึ่งในเบื้องต้น จะเปิดตัวคอนโดใต้แบรนด์ “ควินทารา” (QUINTARA) 2 โครงการ คือ โครงการควินทารา คีเนท รัชดา 12 ควินทารา ภูม สุขุมวิท 39 ซึ่งทั้งหมด 2 โครงการตั้งอยู่บนทำเลแนวรถไฟฟ้าทั้ง BTS และ MRT ระดับราคาขายเริ่มต้น 3-7 ล้านบาท จับกลุ่มเป้าหมายหลักในตลาดกลาง-บน สำหรับโครงการภายใต้แบรนด์ควินทารานี้จะเป็นโครงการที่จะมาสร้างรายได้หลักให้แก่บริษัทฯ ส่วนโครงการแนวราบ จะเป็นการพัฒนาในพื้นที่อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง 2 โครงการ
สำหรับปี 62 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการแบรนด์ควินทารา ภายใต้ชื่อโครงการควินทารา อาเท่ สุขุมวิท 52 คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 154 ยูนิต มูลค่า 600 ล้านบาท และแบรนด์เอสทารา 1 โครงการ คือ โครงการเอสทารา เฮเว่น พัฒนาการ 20 โครงการบ้านแฝด 3 ชั้น และทาวน์โฮม 3.5 ชั้น พื้นที่โครงการ 21 ไร่ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 200-220 ตร.ม. จำนวน 152 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 7.89 ล้านบาท มูลค่า 1,500 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการอยู่ระหว่างการขาย มียอดขาย 80% และ 50% ของส่วนที่เปิดขายแล้วตามลำดับ นอกจากนั้น ในปี 61 บริษัทได้มีการเปิดตัวโครงการควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 คอนโดมูลค่า 1.5 พันล้านบาท บนทำเลศักยภาพย่านทองหล่อ-เอกมัย จำนวน 304 ยูนิต โดยจะมีการเปิดให้ชมห้องจริงประมาณกลางปีนี้
ดร.ต่อศักดิ์ กล่าวถึงเป้าหมายรายได้ในปี 63ว่า เดิมบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่ประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท และยอดขายราว 1,500-2,000 ล้านบาท แต่ผลกระทบจากวิกฤตไวรัส โควิด-19 อาจจะต้องมาปรับประมาณการอีกครั้ง เบื้องต้นคาดว่าหลังไตรมาส 2 นี้น่าจะเห็นความชัดเจน สำหรับปี 62 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขายประมาณ 1,500 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 1,300 ล้านบาท ในขณะที่มีสินค้าที่ขายไปแล้วรอการรับรู้รายได้กว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนภายในปีนี้ 1,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะโอนในปีถัดไป
อย่างไรก็ตามในปี63 เป็นต้นไป บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 4 อย่างมั่นคงด้วยการสรรสร้างรูปแบบการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายครบวงจรให้ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยอย่างสูงสุด ล่าสุดได้จับมือกลุ่มผู้ให้บริการเพื่อตอบสนอง Lifestyle การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ 24 ชม. แก่ลูกบ้านที่อยู่อาศัยภายในโครงการให้ได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ประกอบด้วย บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ในการบริการอาหารและเครื่องดื่มผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ 7-11 และบริษัท บ๊อก 24 จำกัด ในการนำระบบ Smart Locker ที่ให้บริการทั้งการส่งซักรีด ส่งพัสดุ สั่งสินค้าจากซุปเปอร์มาร์เก็ตและการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ตลอดจนอำนวยความสะดวกในการชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งทั้ง 2 บริการนี้พร้อมติดตั้งในโครงการควินทารา ทรีเฮ้าส์ สุขุทวิท 42 ที่เตรียมส่งมอบในปีนี้เป็นโครงการแรก
ส่วนความร่วมมือกับบริษัท ฮ้อปคาร์ จำกัด ในการนำระบบ Car Sharing หรือระบบการเช่ารถใช้เดินทางไปกลับโดยคิดค่าใช้จ่ายเป็นรายวันหรือรายชั่วโมงเพื่อลดความจำเป็นในการมีรถส่วนตัวโดยจอดไว้บริเวณหน้าโครงการเพื่อความสะดวกของลูกบ้านผู้พักอาศัยจะเริ่มต้นใช้กับโครงการใหม่ของปีนี้ และบริษัท ทเวนตี้โฟร์ ฟิกซ์ จำกัด จะเข้ามาเป็นพันธมิตรในการช่วยดูแล ซ่อมแซม และบำรุงรักษาบ้านหรือห้องชุดให้กับลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯทั้งหมดของบริษัทอย่างครบวงจรโดยสามารถเรียกใช้งานผ่าน Application ตลอด 24 ชม.
สำหรับตลาดอสังหาฯปีนี้เป็นปีที่ผู้ประกอบการ ต้องปรับตัวอย่างมากเพราะนอกจากสภาพเศรษฐกิจที่ค่อนข้างซึมเซา ยังมีปัจจัยลบที่ค่อนข้างรุนแรงคือไวรัส โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมไปถึงการลงทุนในตลาดคอนโดฯ ของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนที่หดตัวรวมทั้งความหวาดกลัวต่อสถานการณ์ของลูกค้าชาวไทยเอง นอกจากการส่งมอบห้องชุดแก่ลูกค้าชาวจีนที่ซื้อห้องชุดไปก่อนหน้านี้อาจได้รับผลกระทบทำให้โอนได้ล่าช้าขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยบวกอยู่บ้าง
“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ ไวรัส โควิด-19 เราได้เพิ่มช่องทางขายแบบ 24 Hrs. online booking พรีเซลแบบออนไลน์ 100 % เพื่อเปิดขายทางช่องทางออนไลน์ 24 ชม. และมีการทำ VR360 องศา (Virtual Reality) ของห้องตัวอย่างเหมือนจริงส่งให้ลูกค้าชมห้องตัวอย่างที่บ้านได้ง่ายโดยไม่ต้องเดินทางมาเซลล์ออฟฟิศ” ดร.ต่อศักดิ์ กล่าว