xs
xsm
sm
md
lg

“ทรีนีตี้” เปิดขายกองทุนไพรเวตฟันด์ ชี้วิกฤตโควิด-19 กำลังคลี่คลาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด
“ทรีนีตี้” เปิดขายกองทุนส่วนบุคคล “ทรีนีตี้ เอเชียน ไพรเวทฟันด์ ชี้วิกฤตโควิด-19 ที่กำลังคลี่คลายเป็นโอกาสลงทุนต่างประเทศ ผลจากธนาคารกลางประเทศต่างๆ อัดฉีดเงินเข้าระบบไม่จำกัด หนุนสภาพคล่องท่วมโลก ระบุหุ้นจีนฟื้นตัวเร็วสุด พร้อมเปิดผลงาน “ทรีนีตี้ เอเชียน ไพรเวทฟันด์” กองก่อนหน้าให้ผลตอบแทนชนะตลาดที่ติดลบแรง เหตุมีนโยบายเลือกลงทุนหุ้นคุณภาพรายตัว มีการเติบโต มีมูลค่าเพิ่ม ปรับพอร์ตเข้าสถานการณ์ เปิดขายวันนี้-27 พ.ค. 63

นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ทรีนีตี้ประเมินวิกฤตไวรัสโควิด-19 ที่กำลังคลี่คลายถือเป็นโอกาสในการออกไปลงทุนต่างประเทศ โดยมองว่าตลาดหุ้นจะกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้งภายหลังจากการออก QE ของธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ที่อัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบ เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออก QE แบบไม่จำกัดวงเงินซึ่งได้ทำแล้วราว 2 ล้านล้านเหรียญ และคาดว่าจะทำเพิ่มอีก 2 ล้านล้านเหรียญในปีนี้ และเฟดเองก็ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ที่ระดับต่ำ 0-0.25% ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก็ใช้นโยบายการคลังด้วยการอัดฉีดเงินเข้าระบบประมาณ 10% ของจีดีพี ธนาคารกลางยุโรปออก QE ในวงเงิน 1.1 ล้านยูโรภายในสิ้นปีนี้ ส่วนธนาคารกลางญี่ปุ่นก็ออกมาตรการซื้อพันธบัตรรัฐบาลแบบไม่จำกัดเช่นกัน

“ผลของการดำเนินนโยบายนี้จะทำให้สภาพคล่องของเงินทุนล้นโลก ซึ่งจะเป็นตัวสนับสนุนให้ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ภายหลังวิกฤตโควิด-19 โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนน่าจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศอื่น”


ทั้งนี้ จะเห็นว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของจีนได้ฟื้นตัวกลับมาอยู่ในตัวเลขเดียวกันกับในช่วงก่อนวิกฤตแล้ว หรือคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะใช้เวลาในการฟื้นตัวประมาณ 1-2 ปีในการฟื้นฟูเศรษฐกิจกลับมาที่เดิม และมองว่าตลาดหุ้นจีนจะฟื้นตัวเร็วสุด ขณะที่สหรัฐฯ จะใช้เวลาอย่างน้อย 4 ปี ในขณะที่เศรษฐกิจของยุโรปอาจจะใช้เวลามากกว่า 4 ปี ส่วนประเทศไทยยังต้องใช้เวลาเพราะวิกฤตรอบนี้ทำให้จีดีพีปีนี้จะติดลบ 6-7% ซึ่งถือว่าติดลบหนักสุดในภูมิภาคเอเชีย

นายวิศิษฐ์กล่าวว่า การจัดสรรเงินลงทุนในสภาวการณ์เช่นนี้ ทรีนีตี้แนะนำให้ลงทุนทองคำในสัดส่วน 10% ลงทุนในหุ้นไทย 20% เน้นหุ้นปันผลดีประมาณ 30-40% และลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ BBB ขึ้นไป และอีก 10-20% ลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลทรีนีตี้ เอเชียน ไพรเวทฟันด์ เพราะเป็นกองทุนที่จะลงทุนในหุ้นจีนในสัดส่วนที่มาก ส่วนอีก 10-20% ถือเป็นเงินสดเพราะในภาวะที่ตลาดหุ้นยังมีความผันผวนสูงการถือเงินสดจะสร้างโอกาสที่ดีให้แก่นักลงทุนได้ในจังหวะที่ตลาดปรับตัวลดลงมา

“ทรีนีตี้มองว่าในวิกฤตมีโอกาสสำหรับการลงทุนเสมอ ดังนั้นจะเปิดขายกองทุนส่วนบุคคล ทรีนีตี้ เอเชียน ไพรเวทฟันด์ (TRINITY ASIAN Private Fund) ให้นักลงทุนจองซื้อได้ตั้งแต่วันนี้-27 พฤษภาคม 2563 กองทุนนี้จะมีสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นจีนเป็นหลัก เพราะเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีนจะสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศอื่นๆ”


สำหรับกองทุนส่วนบุคคล ทรีนีตี้ เอเชียน ไพรเวทฟันด์ บริหารงานโดย AZIM Singapore เป็นกองทุนปิดที่มีนโยบายลงทุนหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ยกเว้น ญี่ปุ่น (Asia ex-Japan) มีการบริหารกองทุนแบบ Active Fund ที่เลือกลงทุนหุ้นที่มีคุณภาพ มีการเติบโตและมีมูลค่าเพิ่ม โดยผู้จัดการกองทุนจะปรับเปลี่ยนหุ้นในพอร์ตไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากปัจจัยแวดล้อมได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งกลยุทธ์การบริหารกองทุนในลักษณะนี้ทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุน TRINITY Asian Private Fund (ex-Japan) มีผลตอบแทนสูงกว่า Benchmark (MSCI ex-Japan) มาโดยตลอด ณ วันที่ 17 เมษายน 2563 ผลตอบแทน (ที่ยังไม่ได้หักค่าบริหารจัดการ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ) เท่ากับ +11.65% ในขณะที่ MSCI (ex-Japan) -9.58%

ทั้งนี้ นักลงทุนที่สนใจสามารถจองซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 27 พฤษภาคม 2563 ซึ่งกำหนดเงินลงทุนเริ่มต้น 2 ล้านบาท มีระยะเวลาลงทุนประมาณ 1 ปี กองทุนนี้ไม่มีนโยบายจ่ายปันผล โดยจะนำเงินปันผลไปลงทุนต่อเพื่อสร้างผลตอบแทน รวมทั้งได้มีการป้องกันความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนบางส่วนด้วย ซึ่งการป้องกันความเสี่ยงจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน


กำลังโหลดความคิดเห็น