กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.75 ต่อดอลลาร์เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 32.58 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ปริมาณธุรกรรมค่อนข้างเบาบาง และราคาทองคำที่ผันผวนส่งผลบางส่วนต่ออัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 9.0 พันล้านบาท และ 4.2 พันล้านบาท ตามลำดับ
ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้ตลาดยังคงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และแนวทางการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ของหลายประเทศ หลังจากที่ตลาดตอบรับเชิงบวกต่อกระแสข่าวการทดลองยารักษาผู้ป่วยโควิด-19 ขณะที่การประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารกลางจีนเพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจอาจได้รับการตอบรับอย่างจำกัด นอกจากนี้ นักลงทุนจะให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบซึ่งเข้าทดสอบระดับต่ำสุดในรอบ 18 ปีจากภาวะอุปสงค์ซบเซาอย่างหนัก ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงมาแล้วเกือบ 75% นับตั้งแต่ต้นปี 2563 อาจทำให้สกุลเงินที่เชื่อมโยงกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์อ่อนค่าลง ส่วนค่าเงินยูโรจะเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องหากการประชุมรัฐมนตรีคลังของกลุ่ม ยูโรโซนปลายสัปดาห์นี้ไร้ข้อสรุป ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงการขาดเอกภาพระหว่างประเทศสมาชิกในประเด็นมาตรการเยียวยาด้านการคลัง ในภาวะดังกล่าว เรามองว่าเงินดอลลาร์อาจได้รับแรงหนุนในระยะนี้
สำหรับปัจจัยในประเทศ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลส่งออก-นำเข้าเดือน มี.ค. ซึ่งคาดว่าจะย่ำแย่ตามภาวะเศรษฐกิจการค้าโลกซึ่งหยุดชะงักลงจาก COVID-19 นอกจากนี้ ตลาดจะติดตามแนวทางการเปิดเมืองอย่างค่อยเป็นค่อยไป การหาจุดสมดุลระหว่างกลไกด้านสาธารณสุขกับการพลิกฟื้นภาคธุรกิจและการจ้างงาน รวมถึงความหวังต่อ พ.ร.ก.เยียวยาผลกระทบจากไวรัสวงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เราประเมินว่านักลงทุนยังคงใช้ความระมัดระวังและเศรษฐกิจไทยต้องการยาแรงอีกทั้งการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดเพื่อจำกัดการลุกลามเป็นลูกโซ่ทั่วทั้งระบบท่ามกลางความไม่แน่นอนสูง