xs
xsm
sm
md
lg

โบรก ฯ ส่วนใหญ่ เชียร์เก็บ “AOT ” เข้าพอร์ต

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด หรือ บล.ทิสโก้ ประเมิน AOT คาด AOT รายงานผลประกอบการ FY2Q20F ที่ 2.84 พันล้านบาท (เทียบกับกลุ่มที่ 3.54 พันล้านบาท) เนื่องจากปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการบินที่ลดลง ( อีกทั้งการท่องเที่ยวในประเทศยังลดลง ทำให้รายได้จากการบินจะลดลง 35.9% นอกจากนี้ รายได้จาก Duty-Free และ Retail ยังลดลงต่ออีก 52.7% จากค่าใช้จ่ายต่อหัวที่ลดลง และมองว่าแผนการลดต้นทุนของ AOT จะมีผลกระทบไม่มากนักและคาดผลประกอบการ FY3Q20F (เม.ย. – มิ.ย.) จะขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 3.5 พันล้านบาท เนื่องจากต้นทุนส่วนใหญ่ที่ลดลงได้ไม่มากนัก แต่น่าจะเป็นจุด ต่ำสุดก่อนกลับมาฟื้นตัวใน FY4Q20F นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการปรับลดโบนัสของพนักงานลงต่อ จึงแนะนำให้ “ซื้อ” โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 72 บาท (DCF) มีความเสี่ยงคือ การเดินทางที่น้อยกว่าคาด, CAPEX ที่สูง และมาตรการช่วยเหลือ King Power ที่นานกว่าคาด


บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด
หรือ บล.ไทยพาณิชย์ ระบุถึงแนวโน้มธุรกิจบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT โดยคาดว่าจะรายงานกำไรปกติที่อ่อนแอใน 2QFY63 (ม.ค.-มี.ค. 2563) ที่ 4.0 พันล้านบาท ลดลงถึง 47% จากปีก่อน และ 41%จากไตรมาสก่อน หลักๆ ถูกฉุดรั้งโดย : 1. จำนวนผู้โดยสารที่ลดลงอย่างมากสู่ 27 ล้านคน หรือลดลงถึง 30% โดยแบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 15 ล้านคน หรือลดลงถึง 35% และผู้โดยสารภายในประเทศอ 12 ล้านคน หรือลดลง23% จากปีก่อน และ 17% จากไตรมาสก่อน อีกทั้ง รายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ที่ลดลงแตะ 42% จากจำนวนผู้โดยสารที่ลดลง, ยอดใช้จ่ายต่อหัวที่ลดลง และมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์ของ AOT ด้วยการลดค่าเช่าและยกเว้นการเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ บริษัทจะประกาศผลประกอบการวันที่ 14 พ.ค. 2563

ดังนั้น คาดว่ากำไรของ AOT จะปรับตัวแย่ลงใน 3QFY63 โดยมีสาเหตุมาจากมาตรการป้องกันอย่างเข้มข้นเพื่อลดการแพร่กระจายของไวรัส โควิด-19 จำนวนผู้ โดยสารระหว่างประเทศของ AOT ปรับตัวลดลงตั้งแต่เดือนก.พ. และข้อมูลเบื้องต้นในระหว่างวันที่ 1-11 เม.ย. จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศของ AOT ลดลงถึง 99% จากปีก่อน ซึ่งหมายความว่าแทบไม่มีผู้โดยสารเลย โดยมีสาเหตุมาจากมาตรการของรัฐบาลในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยออกคำสั่งห้ามเที่ยวบินพาณิชย์ทุกเที่ยวบินเดินทางเข้าออกประเทศไทยในระหว่างวันที่ 4-18 เม.ย. และสายการบินสัญชาติไทยต่างๆ ก็ได้ประกาศระงับเที่ยวบินระหว่างประเทศและในประเทศทั้งหมดจนถึงเดือนเม.ย.-พ.ค. รวมถึงมาตรการจำกัดการเดินทางโดยประเทศอื่นๆ ทั่วโลกด้วย

อย่างไรก็ตาม บล.ไทยพาณิชย์ เล็งเห็นแนวโน้ม Downside เมื่ออิงกับการคาดการณ์ว่าจะไม่มีผู้โดยสารในเดือนเม.ย. โดยการวิเคราะห์ความอ่อนไหวพบว่า จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ลดลง 10% จะส่งผลกระทบทำให้ประมาณการกำไรปี FY2563 ของ AOT ปรับลดลง 15% แต่การเงินที่แข็งแกร่ง คาดว่าเงินสดในมือมากถึง 7.73 หมื่นล้านบาท เป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจะมาจากการควบคุมการระบาดได้ผล AOT ได้ชี้แจงข่าวที่ระบุว่าบริษัทมีความสนใจที่จะเข้าเพิ่มทุนใน THAI โดยบริษัทเปิดเผยว่าปัจจุบันยังไม่มีแผนที่จะเข้าเพิ่มทุนใน THAI ตามที่มีข่าวแต่อย่างใด แนะนำ "Neutral" สำหรับ AOT (ราคาเป้าหมาย 70 บาท ต่อหุ้น) เนื่องจากการดำเนินงานและกำไรไม่แน่นอน โดยมีสาเหตุมาจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่มองว่ากระแสเงินสดที่แข็งแกร่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้บริษัทอยู่รอดต่อไปได้ในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากเช่นนี้

บทวิเคราะห์ บล.กสิรกรไทย
ระบุว่า ฝ่ายวิจัยยังแนะนำ “ซื้อ” AOT ด้วยราคาเป้ากมายเดิมที่ 69.20 บาท แม้ว่า AOTจะรายงานผลขาดทุนสุทธิในไตรมาส3/63(เม.ย.-พ.ค.63)ที่ 2.2 พันล้านบาท จากสาเหตุจำนวนผู้โดยสารทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ลดลงต่อเนื่องจากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เนื่องจากฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกเพราะคาดว่าผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งเมื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ได้

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส2/63(ม.ค.-มี.ค.63) ยังมีกำไรสุทธิ 3.78 พันล้านบาท แต่ลดลง 49 % จากไตรมาสก่อน และลดลง 51 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสะท้อนว่าเป็นไตรมาสที่จำนวนผู้โดยสารที่อ่อนแอมาก่อนแล้ว ส่วนรายได้จากส่วนแบ่งผลประโยชน์(concession revenue)ที่ 2.95 พันล้านบาท ก็ลดลง 33 % จากไตรมาสก่อน และลด 37 % ช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะ AOT ได้ยกเลิกผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี (minimun guarantee) สำหรับพื้นที่สินค้าปลอดภาษีและพื้นที่เชิงพาณิชย์เริ่มตั้งแต่เดือน ก.พ.63

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บล.เมย์แบงก์ฯ ประเมินผลงานของ AOT ว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 จะกระทบต่อผลประกอบการอย่างหนัก ช่วงไตรมาส 2/2563 รายได้จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 30% เพราะค่าบริการผู้โดยสาร (PSC) ลดลง 34% จากจำนวนผู้โดยสารรวมที่ลดลง 29% คาดว่ากำไรหลักจะลดลง 47% เป็น 4 พันล้านบาท คาดจะรายงานกำไรสุทธิที่ 3,987 ล้านบาท ลดลง 48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะเดียวกันประเมินว่าช่วงไตรมาส 3/2563 (เม.ย.-มิ.ย. 2563) ผลประกอบการของ AOT จะแย่ลงอีก หลังจากล่าสุดสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ออกประกาศห้ามทุกเที่ยวบินพาณิชย์เดินทางเข้าสู่ประเทศไทย ดังนั้นหากสถานการณ์ COVID-19 ไม่ดีขึ้น ผู้โดยสารระหว่างประเทศจะลดลง 65-95% ในเดือนเมษายน-กันยายน 2563 ประเมินว่า AOT จะบันทึกขาดทุนช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4/2563 (ก.ค.-ก.ย. 2563) เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2554 หรือในรอบ 9 ปี

ดังนั้น ได้ปรับลดคาดการณ์กำไรหลักของ AOT ปี 2564-2566 ลง 11-68% คาดว่า ปี 2564 กำไรหลักจะลดลง 72% มาอยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท จากสมมติฐานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 15 ล้านคนในปี 2563 และ ยังกังวลว่า AOT จะไม่สามารถลดต้นทุนการบริหารงาน ลงได้มากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ โดยประเมินว่า จะลดลง 8% ขณะที่รายรับน่าจะลดลง 39% ส่งผลให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานลดลงเหลือ 20% จากระดับปกติ 50%

ดังนั้น ไม่แนะนำนักลงทุนไล่ซื้อหุ้น AOT เพราะคาดว่าตลาดจะทยอยปรับลดคาดการณ์กำไรลงอีก ดังนั้นจุดเหมาะสมในการเข้าซื้อหุ้นคือ 47 บาทต่อหุ้น ซึ่งเท่ากับ P/E ปี 2564-2565 เฉลี่ยที่ 35 เท่า แต่ยัง แนะนำ “ถือ” ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 54 บาทต่อหุ้น


บล.ทรีนีตี้ แนะนำ "ถือ" AOT ราคาเป้าหมาย 55 บาท/หุ้น คาดระยะสั้น กำไร 2QFY20 ลดลง 52% เทียบปีก่อน เพราะจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานลดลงช่วง 2QFY20 (ม.ค.-มี.ย.) -19% และ -29% ตามลำดับ กอปรกับมาตรการเยียวยาผู้เช่าพื้นที่ของท่าอากาศยานที่ได้รับผลกระทบจากไวรัส COVID-19 ช่วงเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ทำให้คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ลดลงเป็น 1.1 หมื่นล้านบาท ขณะ มองว่าบริษัทยังไม่สามารถปรับตัวในด้านต้นทุนได้ทันการ จึงคาดว่า EBITDA margin จะลดลงเป็น 49% เทียบกับ 63% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทมีกำไรปกติในไตรมาสนี้เพียง 3.5 พันล้านบาท

อีกทั้งการปิดท่าอากาศยานนั้นทำให้จำนวนผู้โดยสารของท่าอากาศยาน AOT ในช่วง 1-11 เม.ย. ลดลงถึง 98% และคาดว่าจะมีตัวเลขผู้โดยสารลดลงไม่ต่ำกว่า 90% ในเดือน เม.ย.-พ.ค. เป็นอย่าง ทำให้ปรับประมาณการจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารปี FY20 ลดลง จึงปรับประมาณการรายได้ในปี FY20 ลดลงเป็น 3.7 หมื่นล้านบาท หรือลดลง 40% ขณะที่ต้นทุนส่วนใหญ่ของบริษัทนั้นเป็นต้นทุนคงที่ คาดว่าจะปรับลดลงได้ไม่มากนัก ทำให้บริษัทมี EBITDA margin ลดลงเป็น 42% เทียบกับปีก่อนที่ 59% จึงปรับลดกำไรปีนี้ลงเป็น 8.3 พันล้านบาท หรือ 67% จากปีก่อน แนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” AOT บริเวณ 44-48 บาท ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 20% เราจึงปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 55 บาท จาก 74 บาท


กำลังโหลดความคิดเห็น